ข่าวสังคม

ตำรวจภาค 3 แถลงจับยาบ้า 4 แสนห้าหมื่นเม็ด 2 คดี ผู้ต้องหา 2 คน รถยนต์ 1 คันและรถจักรยานยนต์ 1 คัน

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 9 มีนาคม ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี พล.ต.ต.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 พล.ต.ต.สถาพร เอมโอษฐ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี พ.ต.อ.ชาญชัย อินนรา ผกก.สส.ภ.จ.อุบลฯ พร้อมชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค3 ,กก.ตชด.22 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมยาเสพติดรายสำคัญของภาคอีสาน ยึดของกลาง 2 คดี รวม 450,000 เม็ด ผู้ต้องหา 2 คน รถยนต์ 1 คันและรถจักรยานยนต์ 1 คัน

พล.ต.ต.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายรัฐบาลโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม

สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติด ในทุกมิติ และให้ดำเนินการตามแผนปฏิบัติการด้านการแก้ไขปัญหายาเสพติดชายแดนภาคอีสาน แบบเบ็ดเสร็จ พ.ศ.2562 – 2565

คดีแรกเป็นการจับกุมยาบ้า 200,000 เม็ด ได้ที่ถนนลูกรังทางเข้าแก่งช้างหมอบ บ้านห้วยยาง หมู่ 10 ต.เขมราฐ อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี เมื่อช่วงเย็นวันที่ 8 มีนาคม 2565 โดย พ.ต.ท.สิทธิพงษ์ ศรีกุลบุตร ผบ.ร้อย ตชด.227 สืบทราบว่าจะมีการลำเลียงยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาตามถนนลูกรังทางเข้าแก่งช้างหมอบ บ้านห้วยยาง หมู่ 10 ต.เขมราฐ อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี จึงพร้อมด้วย ร.ต.ต.ธนาภรณ์ ยังดี ผบ.มว.ตชด.2272 นำเจ้าหน้าที่ 5 นาย ร่วมกับ จนท.ชปข.ศป.ปส.ร้อย ตชด.227 เดินทางไปตรวจสอบพบรถจักรยานยนต์ ต้องสงสัยซ้อนท้ายกันมาพร้อมกระสอบปุ๋ยสีฟ้า 2 กระสอบวางด้านท้ายรถจักรยานยนต์ ท่าทางมีพิรุธ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเพื่อขอตรวจค้นแต่คนขับรถจักรยานยนต์รู้ว่าเป็นเจ้าหน้าที่จึงได้ทิ้งรถวิ่งหลบหนีเข้าป่าข้างทางหลบหนีไปได้ เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวคนซ้อนได้ ทราบชื่อ นายจันทร์ทา ถานิชย์ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 138 ม.21 ต.เขมราฐ อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี ตรวจสอบกระสอบปุ๋ยพบยาบ้า 100 มัด จำนวน 200,000 เม็ด ยาไอซ์ จำนวน 2 ถุงเล็ก

จากการสอบสวนนายจันทร์ทา ถานิชย์ ให้การรับสารภาพว่าร่วมกับพวกที่หลบหนีไปได้ เดินทางไปรับยาบ้าจากชาวลาวที่นำยาบ้ามาไว้ที่บริเวณริมฝั่งโขง โดยได้รับค่าจ้างคนละ 5,000 บาท จากนั้นก็จะนำยาบ้าไปวางไว้ตามจุดที่สามแยกถ้ำเสือ ถนนสายยุทธศาสตร์ อ.เขมราฐ โดยจะมีเครือข่ายจะมารับ เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกับพวกที่หลบหนี มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย นำผู้ต้องหาพร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 200,000 เม็ด ยาไอซ์ จำนวน 2 ถุงรถจักรยานยนต์ จำนวน 1 คันโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่องส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เขมราฐ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

คดีที่สอง พ.ต.อ.สิทธิชัย ธัญญาบาล ผกก.สืบสวน 6 บก.สส.ภ.3 นำเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด กก.สืบสวน 6 บก.สส.ภ.3 ร่วมกันจับกุมนายอนุชาหรือนุ บุญยืน อายุ 29 ปี บ้านเลขที่ 266 ม.13 ต.น้ำโมง อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย ซึ่งเป็นเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญพร้อมด้วยของกลาง ยาบ้า 125 มัด จำนวน 250,000 เม็ดโทรศัพท์มือถือ จำนวน 1 เครื่อง รถยนต์ยี่ห้อ ชูซุกิ สีดำ รุ่น เชียส หมายเลขทะเบียน 1 ขฮ 7559 กรุงเทพมหานคร 1 คันที่บริเวณ สถานีบริการน้ำมัน ปตท.สาขาเดชอุดม ถ.เดชอุดม-วารินชำราบ ต.เมืองเดช อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี แจ้งข้อร่วมกันจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ยาบ้าโดยไม่ได้รับอนุญาต
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจับกุม ได้รับแจ้งจากสายลับว่า มีขบวนการค้ายา เสพติด ลักลอบลำเลียงและจำหน่ายยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาจำหน่ายในพื้นที่ จังหวัดอุบลราชธานี จึงได้วางแผนในการจับกุม โดยทราบว่ามี น.ส.กมลชนก แสงจันทร์ กับพวก เป็นผู้ลักลอบนำขนและนำยาเสพ ติดมาจำหน่าย ต่อมา ตามวัน เวลา ที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจพบรถยนต์ยี่ห้อซูซุกิ สีดำ หมายเลขทะเบียน 1 ขฮ 7559 กรุงเทพ ฯ ขับมาพร้อมกับรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า แอคคอร์ด สีขาว ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ขับมาพร้อมกันตรงตามที่สายลับแจ้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าแสดงตัวจับกุมตัวนายอนุชา บุญยืน พร้อมยาบ้า จำนวน 2,000 เม็ด และตรวจค้นภายในรถยนต์ จำนวน 16,000 เม็ด ส่วนผู้ขับขี่ รถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นแอคคอร์ด หลบหนีไปได้ ต่อมา ทราบชื่อ น.ส.กมลชนก แสงจันทร์ เป็นผู้ขับขี่ ทำหน้าที่เป็นรถนำ จากการสืบสวนขยายผล ทราบว่ายังมียาบ้า ซุกช่อนอยู่ที่บริวณอยู่ในป่าบ้านหนองคำไหล ต.โพนเมือง อ.หล่าเสือโก้ก จ.อุบลราชธานี นายอนุชา ฯ จึงได้พาเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจยึดยาบ้ามาได้ 234,000 เม็ดให้การรับสารภาพว่า ยาบ้าดังกล่าวตนและ น.ส.กมลชนก ฯ ร่วมกันลักลอบจำหน่ายและลำเลียงเข้ามาโดยมีต้นทางมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ตนเองมีหน้าที่นำยาบ้าไปวางตามจุดต่างๆที่ น.ส.กมลชนก ฯ สั่งการ และมี น.ส.กมลชนก ฯ เป็นผู้ขับขี่รถนำ