ข่าวสังคม

จังหวัดประกาศปิดสถานบริการ ที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า เว้นแผนกซุปเปอร์มาร์เก็ต

จังหวัดกาฬสินธุ์ประกาศปิดสถานบริการ สถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้าทุกแห่ง เว้นเฉพาะแผนกซุปเปอร์มาร์เก็ต และสถานที่เสี่ยงต่างๆ ส่วนร้านอาหารเปิดได้แต่ให้ซื้อกลับบ้าน  เพื่อยกระดับเข้มข้นป้องกันโควิด-19  พร้อมเร่งรณรงค์ให้ความรู้และแจกหน้ากากอนามัย

                เมื่อวันที่ 23  มีนาคม 2563 จากการติดตามบรรยากาศการรณรงค์ป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งหลายหน่วยงานยังคงเร่งรณรงค์ให้ความรู้กับประชาชาชนอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดนายชัยธวัช เนียมศิริ ผวจ.กาฬสินธุ์ มอบหมายให้นายจารึก เหล่าประเสริฐ รองผวจ.กาฬสินธุ์ และนางนงค์นิตย์ เนียมศิริ ประธานชมรมแม่บ้านมหาดไทย ร่วมกับ พ.ต.อ.ปริญญา คำเจริญ ผกก.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ นายจารุวัฒน์ บุญเพิ่ม นายกเทศมนตรีเมืองกาฬสินธุ์ ดร.สม นาสอ้าน รองนายแพทย์สาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ นพ.ศิวบูลย์ ชัยสงคราม หัวหน้ากลุ่มงานเวชกรรมป้องกัน  รพ.กาฬสินธุ์ นายศิวกุล นาถ้ำพลอย เจ้าหน้าที่กลุ่มงานสุขศึกษา รพ.กาฬสินธุ์ นำเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ฝ่ายปกครอง อสม.และพนักงาน รณรงค์ให้ความรู้แก่ประชาชน และแจกหน้ากากอนามัย ที่ห้างสรรพสินค้ากาฬสินธุ์พลาซ่า ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี และห้างสรรพสินค้าแมคโคร เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดต่อไวรัสโควิด-19 เนื่องจากสถานที่ดังกล่าวมีประชาชนมาใช้บริการจำนวนมาก พร้อมกับเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติและเพื่อคนที่คุณรัก งดเดินทาง งดสังสรรค์หรือกินอาหารนอกบ้าน

สำหรับสถานการณ์ในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ ล่าสุดเวลา 16.00 น. ที่ศูนย์ต้านโรคติดต่อไวรัสโควิด-19 ศาลากลาง จ.กาฬสินธุ์ นายชัยธวัช เนียมศิริ ผวจ.กาฬสินธุ์ นายสนั่น พงษ์อักษร นายจารึก เหล่าประเสริฐ รองผวจ.กาฬสินธุ์ นายคณิต คงช่วย หัวหน้าสำนักงาน จ.กาฬสินธุ์ และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ร่วมกันแถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (covid-19) จ.กาฬสินธุ์ วันที่ 23 มีนาคม 2563 มีผู้ติดเชื้อ 1 คนเท่าเดิม ผู้ป่วยเข้าเกณฑ์เฝ้าระวังสอบสวนโรค สะสม 31 คน ผลตรวจไม่พบเชื้อ 28 คน และรอผล 2 คน พร้อมออกประกาศฉบับที่ 5

นายชัยธวัช เนียมศิริ ผวจ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า จ.กาฬสินธุ์ได้ออกมาตรการ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นฉบับที่ 5 แล้ว ซึ่งเพิ่มความเข้มข้นเป็นลำดับ เพื่อรับมือคนที่กลับภูมิลำเนา โดยให้ทุกอำเภอจัดทำฐานข้อมูลเฝ้าระวังและควบคุมโรค ผู้เดินทางกลับจากกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงจากจังหวัดในภูมิภาคต่างๆ ที่กลับสู่ภูมิลำเนา โดยให้แจ้งรายงานตัวต่อทีมอาสาโควิด ระดับอำเภอ-หมู่บ้าน และให้แยกตัวสังเกตอาการหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดผู้อื่น เป็นเวลา 14 วัน ส่วนผู้ที่เดินทางมากับรถโดยสารประจำทาง จะมีเจ้าหน้าที่คัดกรอง ที่บริเวณสถานีขนส่งผู้โดยสาร นอกจากนี้ ให้กวดขันงดการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ที่มีผู้คนไปรวมตัวกันจำนวนมากอย่างเคร่งครัด เช่น งานบุญ งานสังสรรค์ต่างๆ ในหมู่บ้านชุมชน

ทั้งนี้ สำหรับประกาศนั้นล่าสุดได้สั่งปิดให้บริการสถานที่ท่องเที่ยว คลินิกเสริมความงาม ร้านนวด สปา สปอร์ตคลับ สถานบริการ สถานบันเทิง สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ทางวัฒนธรรม บ่อนไก่ ตลาดนัดโค-กระบือ ตลาดนัดให้จำหน่ายเฉพาะอาหาร รวมถึงการปิดห้างสรรพสินค้า เว้นเฉพาะแผนกซุปเปอร์มาร์เก็ต ส่วนร้านอาหารต่างๆ เปิดได้ แต่ขอความร่วมมือซื้อไปรับประทานที่บ้าน เพื่อแยกคนเป็นการป้องกันยับยั้งการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 วันนี้ความร่วมมือของพี่น้องประชาชนคือสิ่งสำคัญและจำเป็นที่สุด เราต้องรักษาตัวเองให้อยู่รอดเพื่อจะได้ไปคุ้มครองคนอื่นต่อไป

อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่เดินทางกลับจากกรุงเทพมหานคร และปริมณฑลจะต้องปฏิบัติตัวอย่างเคร่งครัด ไม่รับประทานอาหารและใช้ภาชนะร่วมกับผู้อื่น งดใช้สิ่งของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น ล้างมือบ่อยๆด้วยน้ำและสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจลล้างมือจนแห้ง เว้นระยะห่างกัน หลีกเลี่ยงพูดคุยใกล้ชิดกับผู้อื่น โดยเฉพาะผู้สูงอายุและผู้ป่วยเรื้อรัง หากมีไข้และอาการทางเดินหายใจ ให้สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า และรีบแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขประจำตำบลในพื้นที่ทันที