ข่าวสังคม

สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย เดินหน้าปลดแอกสหกรณ์ออกจากระบบกู้เงินธนาคาร

สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทยร่วมกับสันนิบาตสหกรณ์จังหวัดกาฬสินธุ์ติวเข้มเครือข่ายสหกรณ์“รู้เท่าทันบัญชีสหกรณ์ในยุค5G” ขณะที่ปธ.กรรมการดำเนินการสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทยเตรียมเดินหน้านโยบายปลดแอกสหกรณ์ออกจากระบบกู้เงินของธนาคาร พร้อมผลักดันจัดตั้งกองทุนเสถียรภาพช่วยเหลือสภาพคล่องของสหกรณ์

                เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2563 ที่ห้องประชุมโรงแรมชาร์-ลอง บูทรีค อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ น.ส.ศุภลักษณ์ แร่เพ็ชร์ สหกรณ์ จ.กาฬสินธุ์ เป็นประธานเปิดโครงการอบรมสัมมนา หลักสูตร “รู้เท่าทันบัญชีสหกรณ์ในยุค 5 G” ซึ่งสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทยร่วมกับสันนิบาตสหกรณ์ จ.กาฬสินธุ์จัดขึ้น โดยมีอาจารย์ปรเมศวร์ อินทรชุมนุม ประธานกรรมการดำเนินการสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย พล.ต.ต.มนตรี จรัลพงศ์ ประธานกรรมการสันนิบาต จ.กาฬสินธุ์เป็นวิทยากร และมีคณะกรรมการสันนิบาตสหกรณ์ จ.กาฬสินธุ์ ประธานสหกรณ์ กรรมการ ผู้จัดการ และเจ้าหน้าที่สหกรณ์ต่างๆเข้าร่วมกว่า 100 คน

                พล.ต.ต.มนตรี จรัลพงศ์ ประธานกรรมการสันนิบาต จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า โครงการอบรมสัมมนาครั้งนี้เป็นการเผยแพร่ความรู้ด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการบริหารงานสหกรณ์ในยุคดิจิทัลหรือยุค 5 G ได้มีความเข้าใจมากขึ้น และสร้างความรู้ความเข้าใจงานด้านบัญชีและนำข้อมูลทางบัญชีไปใช้ประโยชน์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดทำบัญชีสหกรณ์ให้มากขึ้น

ด้านอาจารย์ปรเมศวร์ อินทรชุมนุม ประธานกรรมการดำเนินการสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า  สำหรับกระบวนการสหกรณ์นั้นเป็นเศรษฐกิจฐานรากของประเทศที่สำคัญ เพราะมีสหกรณ์มีหลากหลายอาชีพ ทั้งเป็นชาวไร่ ชาวนาและออมทรัพย์จำนวนมาก แต่ปัจจุบันประสบปัญหาต้นทุนสูง โดยเฉพาะระบบการกู้เงิน ซึ่งไม่สามารถสู้กับต่างประเทศไม่ได้ เช่น เกษตรกรเวียดนามกู้เงินธนาคารดอกเบี้ย 4 บาท เกษตรกรมาเลเซียกู้ธนาคารดอกเบี้ย 3.75 บาท แต่บ้านเราเกษตรกรกู้เงินธ.ส.ก.ดอกเบี้ย 7 บาท และล่าสุดทราบข่าวว่ามีสหกรณ์การเกษตรหลายแห่งขายข้าวไม่ได้และถูกเบี้ยปรับจาก ธ.ก.ส.อีกด้วย

อาจารย์ปรเมศวร์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ทางสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทยกำลังปรึกษากับทุกภาคส่วนและเครือข่ายสหกรณ์ เพื่อวางแนวทางให้สหกรณ์ต่างๆเข้าสู่ระบบที่ดีได้ภายใน 2-3 ปี โดยเฉพาะการเดินหน้านโยบายปลดแอกสหกรณ์ออกจากธนาคาร ให้สหกรณ์เพิ่งพากันเอง เช่น สหกรณ์ออมทรัพย์มีเงินให้สหกรณ์การเกษตรกู้ ฝากสินค้าผลิตภัณฑ์ขายช่วยกัน เพราะที่ผ่านมาสหกรณ์ถูกระบบทุนนิยมทำร้ายมามากแล้ว โดยเฉพาะเกษตรกรที่กู้เงินจากธนาคารมา ไม่ควรที่จะเอาเบี้ยปรับกับเกษตรกร เพียงแต่คิดดอกเบี้ยก็เพียงพอแล้ว หรือเก็บดอกเบี้ยให้ถูกกว่าต่างประเทศ ซึ่งหลักการนี้จะสามารถแข่งขันกับต่างประเทศ สหกรณ์ต่างๆอยู่ได้ และช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ในอนาคตยังจะมีการผลักดันกองทุนเสถียรภาพ โดยการระดมทุนจากสหกรณ์ต่างตั้งเป็นกองทุนไว้ และหากสหกรณ์ใดมีปัญหาก็มากู้เงินในกองทุนในดอกเบี้ยราคาถูก เพื่อรักษาสภาพคล่องให้สหกรณ์สามารถอยู่ได้ต่อไป