ข่าวด่วน

น้ำตาท่วมจอ เจ๊นางฟื้นชีวิตเด็กแฝด แม่ป่วยทางจิตอาศัยหลังป่าช้าข้างเมรุเผาผี

เหมือนนอนกับผี! พบครอบครัวเด็กชายฝาแฝดอายุ 14 ปี ชาวตำบลบัวบาน อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ อาศัยอยู่กับแม่ที่พิการทางสติปัญญา ในบ้านหลังเล็กๆที่ทรุดโทรม ติดกับเมรุเผาศพคนตาย สร้างความสลดใจให้กับผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก เผยชีวิตสุดรันทดพ่อถูกฆ่าตาย เผาศพไปเกือบ 2 เดือน ยังไม่ได้รับเงินเยียวยา ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รุดช่วยเหลือ พร้อมยื่นมือรับไปอุปการะ

วันที่ 20 เมษายน 2563 ที่บริเวณด้านหลังเมรุสถานโนนบ้านเก่า หรือเมรุเผาศพคนตายป่าช้าบ้านตูม หมู่ 4  และหมู่ 19 บ้านตูม ต.บัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ นางวันเพ็ญ  เศรษฐรักษา ที่ปรึกษานางสาวมนัญญา  ไทยเศรษฐ์  รมช.ว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าเยี่ยมครอบครัว น.ส.บุญรบ ขันอาสา อายุ 50 ปี บ้านเลขที่ 40 หมู่ 4 หญิงพิการทางสติปัญญา พร้อมบุตรชายฝาแฝดวัย 14 ปี คือ ดช.ธนพล และ ดช.ภัทรพล ภูนาชัย  ซึ่งฐานะยากจน ที่พักอาศัยเป็นบ้านปูนหลังเล็กๆติดพื้น ก่อหยาบๆ สภาพเก่าทรุดโทรม ฝาผนังและหลังคาสังกะสี เต็มไปด้วยรูโหว่ แทบไม่มีสภาพเป็นบ้าน

นางวันเพ็ญ  เศรษฐรักษา ที่ปรึกษานางสาวมนัญญา  ไทยเศรษฐ์ รมช.ว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่าในการลงพื้นที่ โดยนำทีมอาสาปศุสัตว์ และ 4 ทหารเสือ ฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโควิด-19  พร้อมมอบหน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ และให้กำลังใจ อสม. ผู้ปฏิบัติหน้าที่ด่านหน้าคัดกรอง ตรวจเช็คกลุ่มเสี่ยง และแรงงานคืนถิ่น รวมทั้งผู้ว่างงาน ซึ่งได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ตามนโยบายกรมส่งเสริมการเกษตร และกรมปศุสัตว์กระทรวงเกษตรและสหกรณ์   ทั้งนี้ ได้รับแจ้งจากอาสายุติธรรม จ.กาฬสินธุ์ ให้นำอาสาปศุสัตว์และคณะ ฉีดพ่นย้ำยาฆ่าเชื้อโควิด-19 ให้กับครอบครัวหนึ่ง ซึ่งฐานะยากจน มีที่พักอาศัยอยู่หลังเมรุเผาศพคนตาย เนื่องจากอาจเข้าข่ายกลุ่มเสี่ยง เพราะการสุขาภิบาลไม่ดี และหัวหน้าครอบครัวมีความบกพร่องทางสติปัญญา

นางวันเพ็ญ กล่าวอีกว่า จากการลงพื้นที่และสอบถามญาติ ทราบว่าน.ส.บุญรบเจ้าของบ้าน เป็นผู้พิการทางสติปัญญา และเป็นหญิงม่าย ลูก 2 ซึ่งเป็นเด็กชายฝาแฝดวัย 14 ปี สามีที่เคยเป็นเสาหลักหาเลี้ยงครอบครัว  เสียชีวิตไปประมาณ 2 เดือน จากสาเหตุถูกคู่อริใช้ขวดเบียร์ตีศีรษะ เมื่อวันที่ 26 ก.พ.63 ที่โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ แพทย์ระบุเสียชีวิตเนื่องจากเลือดออกในเยื่อบุสมอง  เวลาล่วงเลยมาถึงวันนี้ยังไม่ได้รับเงินเยียวยาจากหน่วยงานไหน ในขณะที่สภาพที่พักอาศัยและความเป็นอยู่ของ 3 แม่ลูกนั้น สร้างความเศร้าสะเทือนใจให้กับตนเป็นอย่างมาก ถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่ เพราะรู้สึกหดหู่ใจมาก

นางวันเพ็ญ กล่าวเพิ่มเติมว่า นี่คือชีวิตจริงที่ตนได้มาพบมาเห็น และแทบไม่อยากจะเชื่อว่า สภาพความเป็นอยู่และครอบครัวที่ขาดแคลน  เห็นแล้วสุดแสนจะน่าสงสารอย่างนี้จะยังมีในสังคม ทั้งนี้ ตนได้มอบเครื่องอุปโภคและบริโภค พร้อมเงินสดให้จำนวนหนึ่ง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น ในส่วนของการช่วยเหลือในระยะยาวนั้น จะได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้การช่วยเหลือโดยเร็ว สำหรับตนยินดีที่จะให้ความอุปการะเด็กชายฝาแฝดทั้ง 2 คน โดยเฉพาะการศึกษา ซึ่งจะได้มีการพูดคุยกับญาติของเด็กและผู้นำชุมชนอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ เพื่อสร้างโอกาสดีๆ ให้กับเด็กที่จะเป็นอนาคตของประเทศชาติ

ด้านนางวชิราภรณ์ นันรัศมี อายุ 46 ปี บ้านเลขที่ 47 หมู่ 4 ญาติเด็กชายฝาแฝดกล่าวว่า น.ส.บุญรบเป็นบุคคลพิการทางสติปัญญา ทุกวันนี้ยังกินยาจิตเวช ไม่มีรายได้ การกิน การอยู่ของ 3 คนแม่ลูก ตนเป็นคนดูแลทุกอย่าง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เป็นห่วงคืออนาคตของ ดช.ธนพล และ ดช.ภัทรพล ภูนาชัย  หลานชายฝาแฝดทั้ง 2 คน ทั้งนี้ ต้องกราบขอบพระคุณนางวันเพ็ญ เศรษฐรักษา ที่ปรึกษา รมช.ว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มาให้ความช่วยเหลือในวันนี้ และจะให้ความอุปการะหลานชายฝาแฝด  ซึ่งจะได้ปรึกษากับญาติและความสมัครใจของหลานด้วย ส่วน น.ส.บุญรบผู้เป็นแม่ที่พิการทางสติปัญญานั้น ตนยังจะประคับประคองและดูแลต่อไปตามอัตภาพ

“อย่างไรก็ตาม ในส่วนที่น.ส.บุญรบและลูกฝาแฝดมาอาศัยอยู่ที่บ้านหลังเมรุเผาศพคนตายนั้น  เพราะฐานะยากจน  ไม่มีบ้านเรือน  ซึ่งแต่เดิมเป็นเถียงนาหลังเล็กๆ อยู่ติดกับป่าช้าและห่างจากเมรุเผาศพคนตายประมาณ  30 เมตร     ตั้งอยู่ในที่นาซึ่งเป็นที่ทำกินของครอบครัวตน พอ น.ส.บุญรบมาอยู่กินกับนายวรเชษฐ์ ภูนาชัย พี่ชายของตน จนกระทั่งมีลูกชายฝาแฝดด้วยกัน ก่อนที่นายวรเชษฐ์พ่อของเด็กจะถูกคู่อริทำร้ายถึงกับเสียชีวิต โดยที่ยังไม่ได้รับเงินเยียวยาจากใครเลย ทั้งนี้ ยังมีความหวังว่าอนาคตของหลานชายจะดีขึ้น จากการยื่นมาเข้ามาช่วยเหลือของสำนักงานยุติธรรม จ.กาฬสินธุ์ ที่กำลังติดตามเรื่องเงินเยียวยา และจากความปรารถนาดีของนางวันเพ็ญ เศรษฐรักษา ที่ปรึกษา รมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่จะขอรับอุปการะหลานชายฝาแฝดทั้ง 2 คน”  นางวชิราภรณ์กล่าวในที่สุด