ตร.ชุดปราบปรามยาเสพติดจ.บุรีรัมย์ ขับรถไล่ล่าสกัดจับหนุ่มวัย 35 ชาวลพบุรีเพิ่งพ้นโทษ พาแฟนสาวลอบขนยาบ้า ประทับตราโลโก้ใหม่รูปจานบินอวกาศ UFO 999 หวังส่งให้เครือข่ายขายลูกค้าเสพปาร์ตี้ช่วงปีใหม่ อ้างแค่รับจ้างขนไปวางตามจุดนัดหมายไม่ได้ขายเอง
วันที่ 31 ธ.ค. 2566 พ.ต.ท.วิชาญ กระจ่างโพธิ์ รองผู้กำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ในฐานะหัวหน้าชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธร พร้อมกำลังตำรวจชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติดฯ ร่วมกับชุดสืบสวน สภ.ละหานทราย รวมทั้งฝ่ายปกครอง และอีกหลายหน่วยงาน ได้ขับรถไล่ติดตามจับกุมตัว นายอนุ สืบสุนทร อายุ 35 ปี และ น.ส.ทิวตะวัน นิลน้ำเงิน อายุ 22 ปี ชาว จ.ลพบุรี ซึ่งเป็นแฟนกัน ได้ที่บริเวณใกล้สี่แยกบ้านจะบวก ต.นางรอง อ.นางรอง หลังสืบทราบว่าทั้งคู่ได้พากันลักลอบขนยาเสพติด มาส่งให้กับเครือข่ายในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์
ซึ่งจากการสอบถามทั้งคู่ก็ยอมรับสารภาพว่าได้รับจ้างขนยาเสพติดมาจริง แต่ได้ทิ้งยาไว้ยังจุดที่นัดหมายแล้ว จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้พาตัวทั้งคู่ไปชี้จุดที่ทิ้งยาเสพติด ริมถนนละหานทราย-ปะคำ บริเวณบ้านโรงเลื่อย ต.ละหานทราย อ.ละหานทราย เชื่อมต่อกับถนนสายสี่แยกบ้านจะบวก ต.นางรอง อ.นางรอง ซึ่งจากการตรวจสอบพบยาบ้าบรรจุหีบห่อเป็นรูปจานบินอวกาศ UFO 999 นับได้ 36,169 เม็ด จึงได้ทำการตรวจยึดไว้ พร้อมโทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง และรถยนต์ยี่ห้อ เอ็มจี รุ่น เอ็มจี 5 สีเทา ทะเบียน กว 4945 ลพบุรี ที่ใช้เป็นยานพาหนะในการลักลอบขนยาบ้าอีก 1 คันด้วย ก่อนนำตัวไปสอบสวนที่ สภ.ละหานทราย
ซึ่งจากการสอบสวนนายอนุ ให้การว่า ตนกับ น.ส.ทิวตะวัน เป็นแฟนกัน ซึ่งตนเคยติดคุกคดียาเสพติด และพ้นโทษออกมาเมื่อปี 2562 ก็ยอมรับว่าได้รับจ้างขนยาบ้าล็อตดังกล่าว มาจากซอยกรุงเทพกรีฑา 32 แขวงทับช้าง เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ ที่มีคนนำเอามาวางไว้ ให้บริเวณข้างถังขยะ เพื่อนำไปส่งให้ลูกค้าในพื้นที่ อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ โดยตนเป็นคนขับ ส่วนแฟนสาวนั่งมาด้วย พอขับมาถึงบริเวณป้ายจุดสิ้นสุดทางหลวง ซึ่งเป็นจุดนัดหมาย ก็ได้ลดความเร็วลงแล้วลดกระจกลง เพื่อให้แฟนสาวนำเอาห่อยาบ้าทั้งหมด โยนลงไว้ใกล้กับโคนเสาป้าย ก่อนจะรีบขับรถกลับ โดยมุ่งหน้าไปทางตัว อ.ละหานทราย เพื่อออกมาตามทางสายหลักที่ อ.นางรอง ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่ติดตามสกัดจับกุมตัวได้
ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำตัวทั้งคู่ส่งให้พนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมจะทำการสืบสวนสอบสวน หาตัวผู้ร่วมเครือข่ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปด้วย