ข่าวอาชญากรรม

สุรินทร์ ป้าวัย 55 ปี ขโมยขึ้นบ้านเจอดีตกลงมาจากฝ้าเพดานวิ่งหนีทิ้งรองเท้าไว้ดูต่างหน้า ขณะที่เจ้าของบ้านติดป้ายให้หัวขโมยมาเอารองเท้าไปคืน

คุณป้าวัย 55 ปี ติดป้ายบอกโจร โดยมีข้อความว่า “ถึงไอ้หัวขโมย ที่มึงวิ่งหนีจนรองเท้าหลุด มึงกลับมาเอารองเท้าด้วย เจ้าของบ้านหลังนี้เขารักและหวงบ้านหลังนี้มาก เขาเสียชีวิตกระทันหันในบ้านหลังนี้ มึงเห็นบ้านนี้ล็อคไม่มีคนอยู่ จึงปีนเข้ามา แล้วมึงก็วิ่งหนีสุดชีวิตเหมือนมึงเห็นอะไรจนรองเท้ามึงไม่เอาไป มึงจงคิดว่ามึงหนีอะไร ดีแล้วที่มึงยังมีชีวิตรอด” กล้องวงจรปิดที่ติดไว้ไอ้หัวขโมยได้ตัดสายไฟของกล้องวงจรปิด หลังถูกโจรขึ้นบ้านทรัพย์สินไม่มีอะไรหาย ที่เสียหายคือฝ้าเพดานที่หัวขโมยตกลงมา วอนตำรวจจับคนร้ายให้ได้เร็วที่สุด

วันที่ 5 มกราคม 2567 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 246 ถ.เทศบาล 4 อ.เมือง จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นบ้าน2ชั้นครึ่งไม้ครึ่งปูน 5ห้องติดกัน และเปิดเป็นร้านถ่ายเอกสารห้องเดียว ผู้สื่อข่าวพบกับนางจันทร์(ผู้เสียหาย) อายุ 55 ปี ที่ทำป้ายไวนิลติดไว้ที่หน้าบ้านและหน้าร้าน จำนวน 2ป้ายใหญ่สีแดง โดยมีข้อความระบุว่า “ถึงไอ้หัวขโมย” ที่มึงวิ่งหนีจนรองเท้าหลุด มึงกลับมาเอารองเท้าด้วย เจ้าของบ้านหลังนี้เขานักและหวงบ้านหลังนี้มาก เขาเสียชีวิตกระทันหันในบ้านหลังนี้ มึงเห็นบ้านนี้ล็อคไม่มีคนอยู่จึงปีนเข้ามา แล้วมึงก็วิ่งหนีสุดชีวิตเหมือนมึงเห็นอะไรจนรองเท้ามึงไม่เอาไป มึงจงคิดว่ามึงหนีอะไร ดีแล้วที่มึงยังมีชีวิตรอด”

โดยนางจันทร์(ผู้เสียหาย) เล่าว่า ช่วงนั้นเวลาบ่าย ตนได้ออกจากร้านกำลังกายที่สวนใหม่ จากนั้นออกกำลังกายเสร็จและไปทำธุระจะกลับก็ประมาณ 17.30 น. มาถึงบ้าน/ร้าน พบเห็นว่าฝ้าเพดานนั้นลักษณะร่วงหล่นลงมา จึงได้รีบไปเปิดกล้องวงจริปิดที่บ้านติดไว้ปรากฏว่าสายไฟของกล้องวงจรปิดถูกตัดขาดออกไป จึงได้สอบถามเพื่อนบ้านที่อยู่ตรงข้ามทราบว่าได้ยินเสียงดังสนั่นคล้ายคนตกลงมาจากชั้นบนบ้าน ตนจึงโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสุรินทร์ เจ้าตรวจสอบพบว่า ร้าน/บ้านของตนถูกหัวขโมยเข้ามาลักทรัพย์ แต่ตรวจสอบแล้วว่าไม่มีทรัพย์สินอะไรหายเลย พบเพียงแต่รองเท้าแตะสีน้ำเงินทั้ง 2ข้าง ของหัวขโมยทิ้งไว้ที่กำแพงบ้านอีกฝั่ง

นางจันทร์(ผู้เสียหาย) ได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ร้านถ่ายเอกสารของตนนั้นเป็นบ้านพักที่ตนและสามีอยู่ด้วยกันมานาน โดยบ้านหลังนี้สามีตนรักและหวงมาก ตนจะไปต่างจังหวัดหรือไปไหนชวนสามีไปด้วยแต่ได้รับการปฏิเสธตลอดเพราะสามีบอกหวงบ้านและแมวที่เลี้ยงไว้หลายตัว ต่อมาสามีตนได้เสียชีวิตกระทันหัน ก็มีแต่ตนอยู่คนเดียวพร้อมกับแมวกว่า 10 ตัวที่สามีตนเลี้ยงทิ้งไว้ให้ ซึ่งในวันเกิดเหตุในช่วงเดือน พฤศจิกายนที่ผ่านมา หัวขโมยได้เข้ามาจะลักทรัพย์นั้นตนไม่ได้อยู่บ้านได้ออกไปออกกำลังกายจะกลับก็เกือบ 6โมงเย็น คิดว่าหัวขโมยเข้ามาแล้วปีนไปชั้นบนบ้านเพื่อตัดสายไฟกล้องวงจรปิด ซึ่งข้างบนไม่มีใครอยู่แล้ว พอหัวขโมยตัดสายไฟเสร็จอาจจะเจออะไรบางอย่างด้านบนบ้านทำให้พลัดตกลงมาจากฝ้าเพดานหล่นตรงหน้ากรอบรูปสามีตนพอดี ตนคิดว่าน่าจะเจอสามีตนไล่ออกไปเพราะสามีตนรักและหวงบ้านหลังนี้มาก ตนจึงติดป้ายประกาศให้หัวขโมยมาเอารองเท้ากลับไปคืนเพราะว่าสงสารหัวขโมยต้องเดินเท้าเปล่า….นางจันทร์(ผู้เสียหาย)กล่าวพร้อมทั้งหัวเราะ

หลังจากเกิดเหตุก็ได้ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.เมืองสุรินทร์ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา จนมาถึงตอนนี้ยังไม่มีความคืบหน้าทางคดี ยังจับคนร้ายไม่ได้อีกด้วย