ข่าวอาชญากรรม

บุรีรัมย์ ต้นอ้อ เป็นหนึ่งร่วม ตร.บ้านพักเด็กรุดช่วย ด.ช.12 หลังถูกพ่อทุบตีเขียวช้ำทั้งตัวแถมขู่ฆ่ายกครัว ตร.แจ้ง 3 ข้อหา

ต้นอ้อ ประธานเพจเป็นหนึ่ง ร่วมกับ ตร.ละหานทราย บ้านพักเด็กบุรีรัมย์ รุดช่วย ด.ช.วัย 12 ถูกพ่อแท้ๆ เฆี่ยนตีเขียวช้ำทั้งตัวประชดเมียหลังแยกทาง แถมโพสต์ขู่ฆ่ายกครัว บุกค้นบ้านเจอปืนไทยประดิษฐ์ พร้อมกระสุน และไม้คันเบ็ดที่ใช้เฆี่ยนตีลูก อ้างแค่สั่งสอนลูกดื้อหนีเที่ยวขโมยของ หลังพูดคุยยอมให้ลูกไปอยู่กับเมียทั้งน้ำตา ตร.แจ้ง 3 ข้อหาพ่อ ส่วนลูกให้ไปอยู่ในความดูแลของแม่

จากกรณีที่แม่ ชาว อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ได้ร้องเพจเป็นหนึ่งขอให้ช่วยเหลือลูกชายอายุ 12 ปี ถูกพ่อแท้ๆ ทำร้ายร่างกายประชด หลังจากเลิกรากัน และขู่จะฆ่ายกครอบครัวหากพาลูกชายไปจากเขา โดยแม่ให้ข้อมูลกับเพจว่า ก่อนหน้านี้ครอบครัวก็อยู่พร้อมหน้าเหมือนครอบครัวทั่วไปแม้จะไม่ได้จดทะเบียนสมรส กระทั่งพ่อไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดพักหลังมักมีอารมณ์รุนแรงชอบทำร้ายร่างกาย แม่เห็นถึงความไม่ปลอดภัย จึงได้พาลูกชายอายุ 12 ปี หนีออกไปอยู่บ้านตายาย แต่หลังจากแยกไปอยู่ได้ไม่นาน พ่อได้มาดักรอลูกที่หน้าโรงเรียน จนเกิดมีปากเสียงกันกับผู้เป็นแม่ จากนั้นสามีบังคับให้ลูกชายนั่งรถไปกับน้องสาวของตนเอง ส่วนสามีบังคับให้ตนขับรถตามเขาไป แต่พอขับตามไปถึงป่ายางสามีก็ถีบรถจักรยานยนต์ของตนเองลงข้างทาง และตามลงไปทำร้ายร่างกาย ตนก็พยายามต่อสู้และวิ่งหนีไปขอความช่วยเหลือ หลังจากนั้น 3 วัน พ่อเด็กได้แอบเข้าไปที่บ้านตายายบอกว่าจะพาลูกไปเที่ยวซึ่งตายายเห็นว่าเป็นพ่อจึงให้ไปด้วย เพราะตอนนั้นแม่รักษาตัวอยู่ รพ. ตั้งแต่วันนั้นพ่อก็ไม่พาลูกไปส่งให้ผู้เป็นแม่อีกเลย แถมยังทำเรื่องย้ายปลายทางให้ลูกชายไปเรียนใกล้บ้านเขา แต่หลังจากลูกไปอยู่กับพ่อ ก็แอบโทรศัพท์หาแม่พูดด้วยน้ำเสียงสะอื้นว่าถูกพ่อทำร้ายร่างกายหลายครั้งไม่อยากอยู่กับพ่อแล้ว

ล่าสุดวันนี้ (6 ก.พ.67) น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ หรือต้นอ้อ ประธานเพจเป็นหนึ่ง พร้อมทีมงาน ได้ลงพื้นที่ไปยังอำเภอละหานทราย จ.บุรีรัมย์ เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือ ร่วมกับเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กจ.บุรีรัมย์ ปลัดอำเภอละหานทราย ตำรวจ สภ.ละหานทราย อบต. และผู้นำชุมชน เพื่อพูดคุยหาแนวทางช่วยเหลือ ด.ช.วัย 12

โดยเบื้องต้นได้เชิญนายภารุต (สงวนนามกุล) อายุ 37 ปี ผู้เป็นพ่อของเด็ก และ น.ส.แป้ง อายุ 33 ปี ผู้เป็นแม่ ซึ่งแยกทางกันอยู่ มาร่วมพูดคุยด้วย แต่ทันทีที่แม่เดินทางมาถึงที่เทศบาลตำบลหนองแวง และได้มาเจอลูกชายที่ทางเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กฯ ไปรับมาจากโรงเรียน ต่างก็โผเข้ากอดกันและร้องไห้ หลังจากที่ทั้งแม่และลูกไม่ได้เจอกันมากว่า 1 ปี

สำหรับบรรยากาศพูดคุยในช่วงแรกก็ค่อนข้างตรึงเครียดโดยเฉพาะผู้เป็นพ่อ ซึ่งได้โต้เถียงว่าที่ผ่านมาไม่เคยทำร้ายลูกเลย มีแต่แม่ต่างหากที่ตีลูกแล้วตนเองเป็นฝ่ายห้ามตลอด แต่พอช่วงที่รับลูกมาอยู่ด้วยก็ยอมรับว่าตีจริงโดยใช้ไม้คันเบ็ดเฆี่ยนตี แต่ทำไปเพื่ออบรมสั่งสอนเพราะลูกดื้อชอบขโมยของที่โรงเรียน ซึ่งตอนแรกจะไม่ยอมให้ลูกกลับไปอยู่กับอดีตภรรยา แต่เมื่อพูดคุยไปสักพักและ จนท.บอกว่าถ้าไม่ยอมก็ต้องทำตามกฎหมาย ผู้เป็นพ่อจึงยอมให้ลูกไปอยู่กับภรรยา ก็พูดทั้งน้ำตา ซึ่งฝ่ายภรรยาก็ไม่ได้กีดกันให้เจอลูก ส่วนเด็กก็ให้ไปอยู่ในความดูแลของผู้เป็นแม่หลังจากพูดคุยตกลงกันเรียบร้อย เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ไปตรวจค้นบ้านผู้เป็นพ่อ ก็เจออาวุธปืนไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืนจำนวนหนึ่ง จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน สาเหตุที่ไปค้นบ้านเพราะโพสต์ข่มขู่จะฆ่าทั้งครอบครัวภรรยา จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ได้ควบคุมไว้ โดยเบื้องต้นได้แจ้งข้อหา “ทำร้ายร่างกาย , มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครอง และข่มขู่”

น.ส.ชลิดา หรือต้นอ้อ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่พบว่าพ่อเด็กเป็นคนที่มีอารมณ์รุนแรง แต่จริงๆ ครอบครัวก็ไม่ได้อยากจะให้เป็นเรื่องเป็นราว ซึ่งอะไรที่เคลียร์กันได้เขาก็จะเคลียร์ แต่พ่อมีพฤติกรรมที่ใช้ความรุนแรงกับเด็ก ซึ่งจากข้อมูลพบว่าช่วงที่เขาอยู่ด้วยกันเขาก็ไม่ได้ตีลูก แต่พอเขาแยกทางกันก็ลงไม้ลงมือกับลูกเพราะโกรธเมีย โดยไปลงที่ลูกเพื่อระบายอารมณ์ ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่แย่มากๆ จึงได้ประสาน พม. บ้านพักเด็กเพื่อเข้ามาช่วยเหลือเด็กก่อน ซึ่งพฤติกรรมที่พ่อทำรุนแรงกับลูกมันรับไม่ได้ ถ้าวันหนึ่งเมื่อลูกโตแล้วมาทำพฤติกรรมแบบนี้กับพ่อบ้างแล้วจะบอกว่าลูกเนรคุณหรือเปล่า ก็อยากฝากว่าปัญหาของผู้ใหญ่เมื่อเลิกรากันไปแล้วไม่ได้เป็นผัวเมียกันแล้ว แต่ควรจะทำหน้าที่พ่อแม่ แต่สิ่งที่พ่อทำเหมือนโกรธแค้นแม่แล้วมาลงที่เด็ก จึงมองว่าเรื่องนี้ควรเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย เด็กต้องได้รับการดูแลคุ้มครองและช่วยเหลือไม่ให้ถูกกระทำซ้ำอีก