วันที่ 29 มีนาคม 2567 ที่งานสืบสวนสภ.เมืองขอนแก่น พ.ต.อ.ศวัจน์ แก้วสืบธัญนิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น, พ.ต.ท.วิโรจน์ ภูมเพชรฤาชา รองสส.สภ.เมืองขอนแก่น พ.ต.ท.ธีรภัทร์ วงศ์วิลาศ สว.สส.สภ.เมืองชอนแก่น ร.ต.อ.สุวัฒน์ สามหาตไทย รองสว.สส.สภเมืองขอนแก่น ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายศุภชัย ศุภสรรพตระกูล อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 250/13 ม.5 ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.ขอนแก่น อดีตครูสอนในวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง ในพื้นที่อำเภอเมืองขอนแก่น พร้อมของกลางรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นฟีโน่ สีดำชมพู ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน และอุปกรณ์แผงเชื่อมสัญญานตู้พักกลางทาง (Terminal Box) จำนวน 265 ตัว อุปกรณ์เชื่อมสัญญาน(โคเน่) ขนาด 25 คู่จำนวน 13 ตัว อุปกรณ์เชื่อมสัญญาน(โคเน่) ขนาด10 คู่ จำนวน 25 ตัว โดยมี นางชนิดา ธาตุศาสตร์ ผู้ช่วยโทรคมนาคมจังหวัดขอนแก่น และคณะ ร่วมการแถลงข่าวด้วย
พ.ต.อ.ศวัจน์ แก้วสืบธัญนิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น กล่าวถึงการจับกุมนายศุภชัย ศุภสรรพตระกูล อายุ 38 ปี ว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองขอนแก่น ได้รับแจ้งเหตุลักทรัพย์ตัดสายเคเบิล ของบริษัททีโอที บริเวณหน้าร้านเฟรมเรคคอร์ด ถนนหน้าเมืองตัตถนนพิมพสุต ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสภ.เมืองขอนแก่น จึงลงพื้นที่สืบสวนหาตัวคนร้ายและทำการแกะรอยคนร้าย จากกล้องวงจรปิด ใกล้ที่เกิดเหตุ ซึ่งบันทึกภาพคนร้ายเป็นชาย สวมเสื้อคลุมแขนยาวสีครีม สวมหมวกกันน๊อคเต็มใบสีขาว ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นฟีโน่ สีดำชมพู ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน พร้อมด้วยของกลางออกจากที่ก่อเหตุ มุ่งหน้าไปยังถนนกลางเมือง ขับขี่ไปจนถึงหน้า บ้านเลขที่ 250/13 ม.5 ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.ขอนแก่น เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน จึงรายงานให้ผู้บังคับยัญชาทราบจากนั้นให้พนักงานสอบสวนขอหมายค้นศาลจังหวัดขอนแก่น ที่ 117/2567 ลงวันที่ 28 มีนาคม 2567เข้าตรวจค้นที่บ้านเลขที่ดังกล่าวมี นางเอ(นามสมมุติ) อายุ 65 ปี (นางถาวร ศุภสรรพระกูล) แสดงตัวเป็นเจ้าของบ้าน จึงได้แสดงหมายค้น และเข้าทำการตรวจค้น พบของกลางทั้งหมดวางอยู่บริเวณโรงจอดรถของบ้านดังกล่าว
ในขณะเดียวกัน นายศุภชัย ศุภสรรพตระกูล อายุ 38 ปี ลูกชายเจ้าของบ้านก็ออกมายอมรับว่าอุปกรณ์ทั้งหมดตนได้ลงมือลักมาจากหน้าร้านเฟรมเรคคอร์ด แยกพิมพสุตตัดถนนหน้าเมือง และใช้รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ยามาฮ่าฟีโน่ สีดำชมพู ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ขับขี่ไปก่อเหตุจริง สาเหตุและแรงจูงใจในการก่อเหตุ ยอมรับว่าเคยเป็นครู ที่วิทยาลัยแห่งหนึ่ง แต่ถูกให้ออกจากงาน จึงตกงานยังไม่มีงานทำ จึงได้ก่อเหตุในครั้งนี้ เพื่อนำไปขาย นำเงินมาใช้จ่าย ในชีวิตประจำวัน
ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น กล่าวอีกว่า ตรวจสอบประวัติของผู้ต้องหา ทราบว่าเคยเป็นครูสอนที่วิทยาลัยแห่งหนึ่ง แต่เมื่อปี 2557-2558 ได้ก่อเหตุลักทรัพย์ ในตู้โทรศัพท์สาธารณะ ของบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ(มหาชน)จำนวนหลายครั้ง จึงถูกจับในข้อหาลักทรัพย์ และถูกให้ออกจากการเป็นครู หลังการสอบสวน จึงได้แจ้งข้อหา ลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะหรือรับของโจร ซึ่งผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงนำตัวผู้ต้องหา พร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น เพื่อคำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ขณะที่ นางชนิดา ธาตุศาสตร์ ผู้ช่วยโทรคมนาคมจังหวัดขอนแก่น ฝ่ายบริการลูกค้า กล่าวว่า อุปกรณ์เชื่อมสัญญานและอุปกรณ์แผงเชื่อมสัญญานตู้พักกลางทางของบริษัท มักจะถูกขโมยบ่อยครั้ง บริษัทได้ติดตั้งสัญญาณเตือนภัยไว้ เมื่อเกิดเหตุ จะได้แจ้งตำรวจตามจับคนร้ายที่ก่อเหตุได้ ซึ่งในการก่อเหตุครั้งนี้ ความเสียหายประมาณ 400,000 บาท