ข่าวอาชญากรรม

โจรแสบย่องเบางัดกุฏิขโมยเงินพระ 2 หลัง พร้อมพระเครื่องฝากรอยเท้าไว้หนีลอยนวล

โจรแสบอาศัยช่วงเวลาทำวัตรเช้าแอบย่องงัดกุฏิกวาดทรัพย์สินเงินสดและพระเครื่องเกลี้ยง 2 หลังซ้อนฝากร้อยเท้าเอาไว้ดูต่างหน้าหลบหนีลอยนวล เผยก่อเหตุมาแล้ว 4 ครั้ง แต่หนีได้ทุกครั้ง จนทำให้พระและชาวบ้านผวา วอนเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามมาดำเนินคดี

เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2563 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากพระและชาวบ้านบ้านหนองกุงเผือก หมู่ที่ 6 ต.ลำหนองแสน อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ว่า มีคนร้ายแอบเข้ามางัดกุฏิพระภายในวัดโพธิ์ทองหนองกุงเผือก และขโมยเงินสด พระเครื่อง และทรัพย์สินต่างๆไป สร้างความเดือนร้อนให้กับพระที่จำพรรษาอยู่วัดและสร้างความหวาดผวาให้กับชาวบ้านอย่างมาก เนื่องจากเป็นการก่อเหตุครั้งที่ 4 แล้ว แต่ยังไม่สามารถจับตัวคนร้ายได้

จากนั้นผู้สื่อข่าว เดินทางลงพื้นที่ภายในวัดโพธิ์ทองหนองกุงเผือก พบกับพระแหลม กุลสจิโต อายุ 52 ปี พระสุดใจ ภูงามเขียว อายุ 65 ปี ทั้ง 2 รูปเป็นพระลูกวัด และพบกับนายบุญล้วน ภูสมพงษ์ ผู้ใหญ่บ้านหนองกุงเผือก หมู่ที่ 6 และชาวบ้าน ได้พาไปดูร่องรอยคนคนร้าย โดยจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบร่องรอยคนร้ายที่เข้างัดกุฏิพระลูกวัดจำนวน 2 หลัง ซึ่งภายนอกกุฏิหลังแรกของพระแหลม กุลสจิโต พบรอยเท้าคนร้ายที่ปีนกำแพงหลังวัดสูงประมาณ 2 เมตรเข้ามา  และพบรอยเท้าคนร้ายปีนขึ้นกุฏิบริเวณหน้าต่าง ภายในกุฏิยังพบรอยเท้าของคนร้ายอยู่บริเวณหมอน และตามพื้นจำนวนมาก โดยคนร้ายได้ขโมยเอาทรัพย์สินซึ่งประกอบด้วย ลูกประคำ พระเครื่อง และเงินสดมูลค่า 4 พันกว่าบาทในย่ามที่แขวนไว้ในห้องหลบหนีไป

 นอกจากนี้บริเวณข้างกุฏิอีกหนึ่งหลัง ซึ่งเป็นของพระสุดใจ ภูงามเขียว พบรอยเท้าคนร้ายอยู่หลายจุด โดยเฉพาะข้างกำแพงและอยู่วงกบหน้าต่าง โดยคนร้ายได้ลักทรัพย์เงินสดมูลค่า 4 พันกว่าบาท และบัตรประจำตัวพระ บัตรประจำตัวประชาชน ซึ่งคนร้ายอาศัยจังหวะที่พระทำวัตรเช้าในช่วงเวลา 04.00 น.ที่ศาลาการเปรียญหลังใหญ่ อยู่ห่างออกไปประมาณ 100 เมตรเข้ามาก่อเหตุ

จากการสอบถามพระแหลม กุลสจิโต อายุ 52 ปี  กล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 04.00 น.วันที่ 24 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยคนร้ายอาศัยจังหวะที่พระลูกวัดและเจ้าอาวาสไปทำวัตรเช้าเข้าไปงัดกุฏิและปีนเข้าทางหน้าต่าง คาดว่าคนร้ายน่าจะเป็นคนในพื้นที่และเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เนื่องจากมีความชำนาญการหลบหนี และรู้ที่ซ่อนของทรัพย์สิน ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวได้สร้างความเดือนร้อนให้กับพระในวัดและชาวบ้านที่อยู่บริเวณข้างเคียงกับวัดอย่างมาก เพราะเหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 4 ครั้ง ซึ่งก็ยังหลบหนีได้ทุกครั้ง เบื้องต้นได้นำไม้ไผ่มาตอกตะปูปิดหน้าต่างเพื่อไม่ให้คนร้ายเข้ามาลักทรัพย์ได้ง่ายอย่างเช่นเคย จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.หนองกุงศรีเร่งติดตามตัวคนร้ายโดยเร็ว 

ขณะที่ นายบุญล้วน ภูสมพงษ์ ผู้ใหญ่บ้านหนองกุงเผือก กล่าวว่า เบื้องต้นได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองกุงศรี ให้เข้ามาตรวจสอบร่องรอยคนร้ายและเก็บรอยนิ้วมื้อคนร้ายบริเวณกุฏิของพระลูกวัดทั้ง 2 หลังแล้ว ซึ่งคนร้ายมักจะก่อเหตุในช่วงที่พระออกไปทำกิจของสงฆ์ และก่อเหตุมาแล้วถึง 4 ครั้งแต่ยังไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้ แต่ชาวบ้านมีเบาะแสเชื่อว่าอาจจะเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติดในพื้นที่ จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาดำเนินการตามกฎหมายให้ถึงที่สุด