ข่าวเศรษฐกิจ

ขอนแก่น ผู้ประกอบการหนื่อยหากต้องขึ้นค่าแรงขั้นต่ำวันละ 400 บาทจริง วอนรัฐพิจารณาให้ดีเพราะจะไม่จบแน่และหลายบริษัทฯต้องย้ายฐานการผลิตละเลิกจ้างแรงงาน โดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอี ที่ต้องแบกรับต้นทุนที่มากขึ้นแต่ออเดอร์ลดลง

เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 6 พ.ย. 2566 ที่ร้านคอฟฟี่ เดอลา สาขาโอโซน ถ.เทพารักษ์ เขตเทศบาลนครขอนแก่น นายภารณ ธีรภาณุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บ.เอสพี ออโต้ กรุ๊ป จำกัด ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน ที่ จ.ขอนแก่น ว่า การที่รัฐบาลได้มีแผนที่จะปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เป็นวันละ 400 โดยมีความชัดเจนขึ้นภายหลังจากที่กระทรวงแรงงานได้เปิดเผยว่าอาจจะมีการประกาศค่าแรงขั้นต่ำใหม่ ในเดือน ธ.ค.และอาจะมีผลบังคับใช้ในเดือน มค.2567 ซึ่งโดยส่วนตัวยอมรับว่าเร็วไปและค่าแรงขั้นต่ำพึ่งปรับขึ้นมาได้ไม่นานนัก และการที่จะปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำอีกครั้ง ไม่ใช่แต่เฉพาะค่าแรงขั้นต่อ 400 บาทต่อวันเท่านั้น การปรับขึ้นค่าแรงก็จะปรับขึ้นแบบขั้นบันไดและครอบคลุมทุกตำแหน่งงาน,ลักษณะงานและอายุงาน เพราะทุกตำแหน่งนั้นมีค่าแรงที่แตกต่างกัน

“ บริษัทฯ มีพนักงานอยู่กว่า 1,500 คน แยกเป็นที่ขอนแก่น และ มหาสารคาม ในสัดส่วนพนักงานที่เท่าๆกัน ปัจจุบันออเดอร์การสั่งสินค้าก็ลดลง เนื่องจากเป็นบริษัทผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ภาพรวมทางเศรษฐกิจ ภาวะสงครามแม้กระทั่งการปล่อยสินเชื่อรถที่ยากขึ้น ทั้งหมดล้วนเป็นผลกระทบกับทางบริษัทฯอย่างมาก และหากต้องมีการปรับขึ้นค่าแรงจริงแม้จะไม่ถึง 400 บาท แต่ทุกตำแหน่งและทุกลักษณะงานก็ต้องปรับขึ้นตามกันไปด้วย”

นายภารณ กล่าวต่ออีกว่า หากต้องมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจริง ตามประกาศของรัฐบาล ยอมรับว่าสถานประกอบการต่างๆนั้นเหนื่อยแน่ และก็จะเห็นภาพของการย้ายฐานการผลิตไปในประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น ซึ่งขณะนี้หลายบริษัทฯก็เริ่มขยับขยายกันแล้ว รวมไปถึงการลดจำนวนพนักงานลงตามภาวะต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจังหวัดขอนแก่นปัจจุบันอัตราค่าแรงขั้นต่ำอยู่ที่ 335 บาทต่อวัน ถ้าปรับขึ้นเป็น 400 บาทต่อวัน สถานประกอบการทุกแห่งก็จะมีต้นทุนที่เพิ่มขึ้นกว่า 20%

ดังนั้น เมื่อต้นทุนเพิ่มขึ้น การรักษาภาวะต้นทุนหรือการควบคุมปริมาณรายจ่ายหรือค่าใช้จ่ายก็ต้องเข้มงวดขึ้น รัดกุมมากขึ้น มีการนำเทคโนโลยีและเครื่องทุนแรงมาใช้เยอะขึ้น ดังนั้นการลดค่าต้นทุน ทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าน้ำมัน ค่าขนส่ง เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการเรียกร้องมาโดยตลอด และมั่นใจว่าหากขึ้นค่าแรงขั้นต่ำวันละ 400 บาทจริง หรือมีการปรับขึ้นเร็วๆนี้แม้จะไม่ถึงวันละ 400 บาทกลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลาง ขนาดเล็ก และธุรกิจเอสเอ็มอี จะได้รับผลกระทบอย่างหนักแน่นอน.