ร้านค้าปลีกในตลาดสดเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ และแม่ค้าที่ประกอบอาหารขายโอดหลังน้ำตาลราคาพุ่งกิโลกรัมละ 30 บาทแพงเป็นประวัติศาสตร์ เผยปรับขึ้นตั้งแต่ก่อนรัฐบาลจะออกประกาศขึ้นราคาด้วยซ้ำ ทำให้ร้านค้าปลีกหลายรายต้องลดปริมาณการรับซื้อจากเดิม 50 ก.ก. เหลือแค่วันละ 10 ก.ก.แบกรับต้นทุนไม่ไหวเพราะยอดขายลดลง
วันที่ 15 พ.ย. 2566 จากการสำรวจร้านค้าปลีกในตลาดสดเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ พบว่าราคาน้ำตาลทรายแดง น้ำตาลทรายขาว และน้ำตาลปีบมีการปรับขึ้นราคาตั้งแต่ก่อนที่รัฐบาลจะประกาศปรับขึ้นราคาน้ำตาลหน้าโรงงานด้วยซ้ำ โดยน้ำตาลทรายขาว และน้ำตาลทรายแดง ขณะนี้ขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 30 บาท ส่วนน้ำตาลปีบขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 38 บาท ซึ่งแพงเป็นประวัติการณ์ ทำให้แม่ค้าขายปลีกต้องลดปริมาณการสั่งซื้อจากเดิมเคยสั่งครั้งละกระสอบ หรือ 50 กิโลกรัม ทุกวันนี้สั่งเพียงครั้งละ 10 กิโลกรัมเท่านั้น เพราะแบกรับภาระต้นทุนไม่ไหว ทั้งเกรงว่าหากสั่งมาไว้จำนวนมากแล้วราคาน้ำตาลปรับลดลงก็จะทำให้ขาดทุน ส่วนที่รัฐบาลประกาศราคาควบคุมให้จำหน่ายไม่เกินกิโลกรัมละ 25 บาทนั้น แม่ค้าขายปลีกต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าคงเป็นไปไม่ได้ เพราะราคารับซื้อจากร้านค้าส่งมาก็กิโลกรัมละ 28 บาทแล้ว จึงมาขายต่อกิโลกรัมละ 30 บาทได้กำไรแค่ 2 บาทเท่านั้น ดังนั้นรัฐบาลควรจะแก้ไขปัญหาที่ต้นทางมากกว่า
น.ส.ขันทอง นิกรรัมย์ และนางระเบียบ กะเชื่อมรัมย์ แม่ค้าขายปลีกในตลาดสดเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ บอกตรงกันว่า น้ำตาลได้รับขึ้นราคามากว่า 1 สัปดาห์แล้วก่อนที่รัฐบาลจะประกาศขึ้นราคาน้ำตาลหน้าโรงงานด้วย โดยขณะนี้น้ำตาลทรายแดง และนำตาลทรายขาวรับซื้อมากิโลกรัมละ 28 บาท ขายต่อกิโลกรัมละ 30 บาท ส่วนน้ำตาลปีบซื้อมากิโลกรัมละ 35 บาท ขายต่อกิโลกรัมละ 38 บาท ก็ส่งผลกระทบทั้งกับร้านค้าปลีกเพราะต้องรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้น จึงต้องลดปริมาณการสั่งซื้อลงจากเดิมเคยสั่งครั้งละ 50 กิโลกรัม ก็ลดเหลือเพียง 10 กิโลกรัม ประชาชนผู้บริโภคที่มาซื้อก็บ่นไปตามๆ กัน และลดปริมาณการซื้อเช่นกันจากเดิมเคยซื้อ 1 กิโลกรัม ก็จะขอแบ่งซื้อเพียงครึ่งกิโลกรัม
ขณะที่ น.ส.เจนจิรา แม่ค้าที่ประกอบอาหารทั้งชาชัก และของหวานขาย บอกว่า ราคาน้ำตาลที่ปรับขึ้นก็ส่งผลกระทบกับต้นทุนในการประกอบอาหารเพิ่มขึ้นตามไปด้วย แต่ราคาขายอาหารยังไม่สามารถปรับขึ้นได้ เพราะทุกวันนี้ก็ค้าขายลำบากอยู่แล้วเพราะประชาชนไม่ค่อยมีกำลังซื้อ หากเป็นไปได้ก็อยากให้รัฐบาลควบคุมราคาสินค้าทุกประเภทไม่ใช่เฉพาะน้ำตาล ไม่ให้สูงมากไปกว่านี้เพราะทุกวันนี้ของแพงเกือบทุกอย่าง ทางร้านต้องแบกรับภาระต้นทุนคาดว่าน่าจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 5 เปอร์เซ็นต์