เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สหกรณ์ออมทรัพย์ครูศรีสะเกษ จำกัด อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ นายวิสัย เขตสกุล เลขาธิการสมาพันธ์สมาคมครูแห่งประเทศไทย (ส.ค.ท.) ได้กล่าวถึงกรณีที่มีกลุ่มนักศึกษาพยาบาลของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งของ จ.ศรีสะเกษ ได้พากันร่ำไห้เข้าไปยื่นหนังสือกับ ผอ.ศูนย์ดำรงธรรม จ.ศรีสะเกษ เพื่อขอความช่วยเหลือ เนื่องจากไม่ได้รับอนุมัติเงินกู้ยืมจากกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) หลังจากที่ได้ยื่นเรื่องขอกู้เงินไปนานร่วม 9 เดือนแล้ว โดยเอกสารหลักฐานถูกต้อง แต่ว่ายังไม่ได้รับการอนุมัติจากผู้มีอำนาจของ กยศ.แต่อย่างใด ทำให้ได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากไม่มีเงินค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพและไม่มีค่าเทอม โดยนักศึกษาพยาบาลได้ไปยื่นเรื่องร้องทุกข์กับ รมว.คลัง ที่กระทรวงการคลัง กรุงเทพฯ เพื่อขอให้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายรัฐมนตรี และ รมว.คลัง พิจารณาให้การช่วยเหลือโดยด่วน ล่าสุด ได้มีผู้บริหารระดับสูงของ กยศ.ลงมาพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ เพื่อพิจารณาแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้นั้น
![](https://www.siengphupan.com/wp-content/uploads/2023/12/batch_Resize-of-DSC_6873.jpg)
![](https://www.siengphupan.com/wp-content/uploads/2023/12/batch_S__177971205.jpg)
![](https://www.siengphupan.com/wp-content/uploads/2023/12/batch_S__177971206.jpg)
นายวิสัย เขตสกุล เลขาธิการสมาพันธ์สมาคมครูแห่งประเทศไทย (ส.ค.ท.) กล่าวว่า การที่นักศึกษาพยาบาล รวมทั้งนักเรียน นักศึกษาทั่วประเทศ ได้ขอกู้เงินจาก กยศ.นั้น เนื่องจากว่าเป็นนักเรียน นักศึกษาที่มีฐานะยากจน จึงต้องมาขอกู้เงิน กยศ.เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการศึกษาเล่าเรียน ซึ่งหากว่าได้ส่งเรื่องกู้เงินผ่านระบบของ กยศ.แล้ว หากว่าการอนุมัติล่าช้ากว่าที่น่าจะเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักศึกษาต้องรอการอนุมัตินานถึงร่วม 9 เดือน ตนเห็นว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่ไม่น่าจะถูกต้องตามระเบียบแบบแผนของ กยศ.เพราะว่า เด็กนักศึกษาโดยเฉพาะอย่างยิ่งนักศึกษาพยาบาลที่เป็นสาขาวิชาขาดแคลน จำเป็นต้องใช้จ่ายเงินในการศึกษาเล่าเรียนเป็นอย่างมาก หากทาง กยศ.พิจารณาอนุมัติเงินล่าช้านานร่วม 9 เดือน ย่อมต้องทำให้พ่อแม่ ผู้ปกครองของนักศึกษาต้องดิ้นรนไปหากู้เงินนอกระบบ เพื่อนำเอามาเป็นค่าใช้จ่ายให้ลูกหลานได้เรียนหนังสือ ซึ่งเป็นการกดดันผลักไสไล่ส่งให้พ่อแม่ของนักศึกษาไปหาแหล่งเงินกู้นอกระบบ ซึ่งขณะนี้ในเขตพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ และจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศมีผู้ปกครองนักเรียน นักศึกษาต้องไปกู้เงินนอกระบบมาให้ลูกหลานเรียนหนังสือเป็นจำนวนมาก
นายวิสัย เขตสกุล กล่าวต่อไปว่า จากกรณีดังกล่าวข้างต้นนั้น เป็นการไม่สอดคล้องกับนโยบายของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ที่ต้องการแก้ไขปัญหาเงินกู้นอกระบบทั่วประเทศเป็นอย่างยิ่ง ทั้งที่มีคำกล่าวที่สวยหรูเอาไว้ว่า เด็กทุกคนที่อยากเรียน ต้องได้เรียน แต่ว่าเด็กไม่มีเงินค่าใช้จ่ายในการเรียน ทำให้ต้องไปกู้เงินจาก กยศ. แต่ว่าทาง กยศ.อนุมัติเงินกู้ล่าช้า ทำให้พ่อแม่ต้องเป็นหนี้นอกระบบมากขึ้นนั้น ตนเห็นว่าไม่เป็นผลดีแก่นักศึกษาซึ่งเป็นอนาคตของชาติเป็นอย่างมาก ซึ่งตนไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดนักเรียน นักศึกษาที่ส่งเอกสารขอกู้เงินครบถ้วนถูกต้องแล้ว แต่ว่าไม่ได้รับการอนุมัติ และหากว่าผู้ขอกู้รายใดที่เอกสารหลักฐานไม่ถูกต้อง ทาง กยศ.ก็จะต้องส่งเรื่องไปหาผู้ขอกู้ เพื่อให้แก้ไขให้ถูกต้อง ไม่ใช่ปล่อยให้เวลาเนิ่นนานร่วม 9 เดือนเช่นนี้
นายวิสัย กล่าวต่อไปว่า อีกทั้งจากการที่ตนได้ติดตามข่าวของ กยศ.ทราบว่า ทาง กยศ.ได้มีการส่งเรื่องเกี่ยวกับการที่มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งมีการเปิดสอนออนไลน์ 100 เปอร์เซ็นต์ ไปให้กระทรวงว่าการอุดมศึกษา ได้มีการตรวจสอบว่ามีการดำเนินการถูกต้องตามระเบียบหรือไม่ อย่างไรนั้น ตนเห็นว่าเรื่องนี้ ตาม พ.ร.บ.กองทุนเงินกู้เพื่อการศึกษา พ.ศ.2560 หมวด 1 การจัดตั้งกองทุน มาตรา 6 ได้ระบุวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งกองทุนเพื่อสนับสนุนและส่งเสริมการศึกษาด้วยการให้เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาในลักษณะต่างๆ ดังต่อไปนี้ เช่น (1) เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาให้แก่นักเรียนหรือนักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ (2) เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาให้แก่นักเรียนหรือนักศึกษาในสาขาวิชาที่เป็นความต้องการหลักฯ (3) เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาให้แก่นักเรียนหรือนักศึกษาที่ศึกษาในสาขาวิชาขาดแคลนฯ และ (4) เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาให้แก่นักเรียนหรือนักศึกษาที่เรียนดีเพื่อสร้างความเป็นเลิศ ซึ่งไม่มีข้อไหนที่เป็นวัตถุประสงค์ว่า ให้ กยศ.เข้าไปเกี่ยวข้อง ตรวจสอบเกี่ยวกับการสอนออนไลน์ของมหาวิทยาลัยทั่วประเทศแต่อย่างใด
นายวิสัย ยังกล่าวด้วยว่า การที่ กยศ.ได้ส่งเรื่องการเรียนออนไลน์ 100 เปอร์เซ็นต์ ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งไปให้ อว.ตรวจสอบความถูกต้องนั้น ตนเห็นว่า กยศ.เล่นนอกบทที่อยากให้ความสำคัญในตำแหน่งตนที่ดำรงอยู่มีอำนาจในการนี้ เป็นการดำเนินการที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เพราะมหาวิทยาลัยมีหน้าที่ในการจัดการศึกษาให้กับประชาชนทั่วไปอย่างเสมอภาคเท่าเทียม และได้รับอนุมัติจากสภามหาวิทยาลัยให้เปิดทำการเรียนการสอนในแต่ละรายวิชาเอก ซึ่งการสอนออนไลน์ 100% ในประเด็นนี้ถือว่าเป็นนวัตกรรมกระบวนการเรียนการสอนที่ทันต่อศตวรรษที่ 21 อยู่ที่ไหนก็เรียนได้หลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด 19 ทุกสถานศึกษาก็มีการเปิดสอนออนไลน์อยู่แล้ว ดังนั้น ตนในฐานะเลขาธิการสมาพันธ์สมาคมครูแห่งประเทศไทย จึงขอเรียกร้องให้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ซึ่งมีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบ กยศ.โดยตรง ขอให้ตรวจสอบการทำงานของ กยศ.ว่า เป็นไปตามบทบาทหน้าที่วัตถุประสงค์ของการตั้งกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาหรือไม่ อีกทั้งการที่อนุมัติเงินกู้ให้นักศึกษาพยาบาลและนักศึกษาวิชาต่างๆ นานร่วม 9 เดือนนั้น เป็นการดำเนินการที่ชอบด้วยระเบียบแบบแผนของทางราชการหรือไม่อย่างไร หากพบว่า มีการดำเนินการผิดต่อบทบาทหน้าที่ระเบียบของกองทุน ก็ขอให้พิจารณาดำเนินการเอาผิดกับผู้เกี่ยวข้อง ทั้งนี้เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับนักเรียน นักศึกษาของประเทศไทยที่มีฐานะยากจนและอยากเรียนหนังสือจะได้ไม่ต้องได้รับความเดือดร้อนจากการอนุมัติเงินกู้ล่าช้าของ กยศ.อีกต่อไป