เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 4 ม.ค. 2567 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สอบถามความเห็นของประชาชนในเขตเทศบาลนครขอนแก่น หลังติดตามการแถลงร่างงบประมาณ ต่อสภาฯของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท โดยพบว่า ประชาชนบางส่วนขาดความเชื่อมั่นต่อบางนโยบายของรัฐบาลและไม่เห็นด้วยกับบางนโยบายในการแถลงดังกล่าว
นายชัยยา ยอดระบำ อายุ 56 ปี พ่อค้าตลาดสดบางลำภู กล่าวว่า ขอเริ่มจากเงินดิจิตอลซึ่งโดยส่วนตัวยังไม่เชื่อว่ารัฐบาลจะทำได้สำเร็จเพราะจากการแถลงงบประมาณต่อสภาฯ ที่ติดตามมาตลอดนั้นไม่มีเรื่องงบประมาณเงินดิจิตอลเข้ามาบรรจุ และรายละเอียดยังไม่มีที่มาว่าจะเอามาจากตรงไหนนอกจากออก พ.ร.บ.เงินกู้ เรื่องรายละเอียดการนำไปใช้มีข้อห้ามเยอะซึ่งข้อห้ามดังกล่าวเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันของคนไทยทั้งหมดและมองว่าจะไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจระดับรากหญ้าได้
“อย่างในตลาดทั่วไปแบบนี้คงมีประโยชน์น้อยมาก ประโยชน์น่าจะตกกับห้างสรรพสินค้าใหญ่ที่จะได้ประโยชน์มากกว่าคนจนๆ 2-3 เดือนที่ผ่านมารัฐบาลทำสิ่งที่ไม่คาดหวังสิ่งที่ไม่น่าจะเกิดก็เกิดแต่มั่นใจว่าเงินดิจิตอลทำไม่ได้แน่นอน ณ ตอนนี้ประชาชนในตลาดพ่อค้า แม่ค้าต่างคุยเรื่องนี้กันมาโดยตลอดและไม่มีใครเชื่อถือรัฐบาลนี้แล้ว จากแต่ก่อนหวังว่าบ้านมี 6 คน จะได้เงิน 60,000 บาท จะเอาเงิน 60,000 บาทไปลงทุนแต่ตอนนี้ทุกคนไม่มีใครหวังแล้ว”
นายชัยยา กล่าวต่ออีกว่า นโยบายการเกณฑ์ทหารแบบสมัครใจไม่เห็นด้วยตั้งแต่เริ่มต้นเพราะว่าน้องๆสมัยนี้ที่จะไปสมัครทหารเองอยากให้ลองทำดูสักปีว่าถ้าไม่มีเกณฑ์จะมีคนมาสมัครตามยอดที่ตั้งไว้หรือไม่ เด็กสมัยนี้พ่อแม่เลี้ยงแบบสบาย เด็กไม่อยากเหนื่อย ถ้าเกณฑ์ทหารแบบสมัครใจคนจะมาสมัครน้อยจะมีผลกับกองทัพแน่นอนอย่าคิดว่าสงครามไม่เกิดขึ้นอย่างประเทศเพื่อนบ้านที่ติดกับเราบางประเทศยังก่อสงครามกันอยู่เลยถ้างั้นจะมีกำลังพลสำรองไว้ทำอะไร พูดในฐานะเคยเป็นทหารมาก่อน อยากให้มีการเกณฑ์ทหารเหมือนเดิมเพราะเดี๋ยวนี้ค่าตอบแทนทหารเกณฑ์ไม่ใช่น้อยๆ จึงไม่เห็นด้วยกับนโยบายการสมัครใจเกณฑ์ทหาร