ภาวะฝนทิ้งช่วงนานถึง 5 เดือน เกิดความแห้งแล้งครอบคลุมพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ส่งผลกระทบอาชีพเก็บดอกบัวขาย เนื่องจากบัวไม่ออกดอกและแห้งตาย ต้องหันมาทำเรือนเพาะชำต้นกล้าผักชะอมขาย แต่ยังวิตกเนื่องจากแหล่งน้ำอาจไม่เพียงพอ วอนส่วนราชการช่วยเหลือขุดเจาะน้ำบาดาล
เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2563 จากการติดตามบรรยากาศการประกอบอาชีพ ของเกษตรกรชาวกาฬสินธุ์ ในฤดูแล้ง ซึ่งทำการเกษตรเป็นหลัก พบว่าในกลุ่มที่เคยปลูกดอกบัวขาย ได้เปลี่ยนอาชีพเพื่อความอยู่รอด โดยหันมาเพาะต้นกล้าผักชะอมขาย ซึ่งเป็นพืชที่ทนต่อสภาพอากาศที่แห้งแล้ง เก็บยอดขายได้ตลอดปี
![](https://www.siengphupan.com/wp-content/uploads/2020/02/1-30.jpg)
นางสาวยุพารักษ์ ภูสีเขียว อายุ 51ปี บ้านเลขที่ 28 หมู่ 10 บ้านดงเมือง ต.ลำพาน อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่าพื้นที่ตรงนี้ประมาณ 2 ไร่ เดิมเป็นที่นาปลูกข้าว ฤดูฝนประสบภัยน้ำท่วมซ้ำซาก จึงนำบัวหลวงมาปลูก เพื่อขายดอกให้ชาวบ้านและแม่ค้าในตลาด นำไปบูชาพระและประกอบพิธีกรรมต่างๆ นอกจากนี้ยังเก็บฝักบัวขาย โดยนำไปแกะเม็ดรับประทาน และประกอบอาหารได้อีกด้วย แต่ปีนี้ประสบภัยแล้ง ทั้งอากาศร้อนจัด น้ำไม่เพียงพอ เพราะฝนทิ้งช่วงนานถึง 5 เดือน ทำให้บัวออกดอกไม่เต็มที่และเริ่มแห้งตายลงทุกวัน จึงได้ปรับพื้นที่ทำอาชีพใหม่ โดยแบ่งเป็นทำเรือนเพาะชำ เพื่อเพาะพันธุ์ชะอมขาย ส่วนหนึ่งแบ่งเป็นแปลงปลูกชะอม และเหลือส่วนที่เป็นแปลงดอกบัวไว้ประมาณ 1 งาน เพื่อเป็นแหล่งกักเก็บน้ำฝนไว้รดแปลงผักชะอม
![](https://www.siengphupan.com/wp-content/uploads/2020/02/2-31.jpg)
![](https://www.siengphupan.com/wp-content/uploads/2020/02/2-32.jpg)
นางสาวยุพารักษ์ กล่าวอีกว่า ชะอมเป็นพืชที่ทนต่อสภาพอากาศที่แห้งแล้ง และสามารถเก็บยอดขายได้ตลอดปี ซึ่งชาวบ้านดงเมืองเกือบทุกครัวเรือนต่าง มีแปลงปลูกชะอม เพื่อขายให้กับพ่อค้า แม่ค้าที่ตลาดในตัวเมือง รวมทั้งส่งขายตลาดไทด้วย โดยเฉลี่ยชาวบ้านมีรายได้จากการขายยอดชะอมไม่น้อยกว่าเดือนละ 5,000-10,000 บาท ซึ่งขึ้นอยู่ที่ว่าใครจะมีพื้นที่ปลูกมากปลูกน้อย ซึ่งจะเก็บยอดขายกำละ 10บาท ขณะที่ต้นกล้าชะอมขายถุงละ 10 บาท
![](https://www.siengphupan.com/wp-content/uploads/2020/02/3-19.jpg)
![](https://www.siengphupan.com/wp-content/uploads/2020/02/4-22.jpg)
![](https://www.siengphupan.com/wp-content/uploads/2020/02/5-26.jpg)
![](https://www.siengphupan.com/wp-content/uploads/2020/02/8-16.jpg)
![](https://www.siengphupan.com/wp-content/uploads/2020/02/9-15.jpg)
ทั้งนี้ ตนเห็นว่าเปลี่ยนพื้นที่จากที่เคยปลูกดอกบัวเป็นเรือนเพาะชำขายต้นกล้าและแบ่งเป็นแปลงปลูกชะอมขายยอด ตลาดกว้างกว่า สามารถเก็บยอดขายได้ตลอดปี โดยเฉพาะใช้น้ำน้อย ทนต่อสภาพอากาศที่แห้งแล้ง จึงหันมาเพาะกล้าและทำสวนปลูกชะอมดังกล่าว โดยลงทุนจ้างถมดินประมาณ 100,000 บาท ใช้น้ำจากหนองน้ำที่เคยปลูกบัว ซึ่งกำลังแห้งขอด ทำให้เกิดความวิตกว่า ถ้าฝนไม่ตกลงมาน้ำที่เหลืออยู่คงไม่เพียงพอ และอยากจะขอความช่วยเหลือจากส่วนราชการ ในการขุดเจาะน้ำบาดาล เพื่อสำรองน้ำไว้ให้เกษตรกรในบ้านดงเมืองใช้ในการสูบน้ำขึ้นมารดแปลงปลูกชะอมด้วย เพราะตอนนี้ไม่มีทุนสำรองเลย เนื่องจากใช้จ่ายในการซื้อดินและจ้างรถถมดิน รวมทั้งซื้อวัสดุอุปกรณ์ในการสร้างเรือนเพาะชำ อย่างไรก็ตาม ก็จะสู้ต่อไป เพราะได้ลงทุนแล้ว