ข่าวด่วน ข่าวสังคม

เพจผู้ว่ากาฬสินธุ์ ลงนามในประกาศ ฉ.2 ปิดสถานบริการ คุมเข้มไวรัสโควิด-19 ฝ่าฝืนมีโทษทั้งจำทั้งปรับ

วันที่ 20 มีนาคม 2563 เวลา 16.30 น. ที่ศูนย์อำนวยการต้านโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) จ.กาฬสินธุ์ ศาลากลาง จ.กาฬสินธุ์ นายชัยธวัช เนียมศิริ ผวจ.กาฬสินธุ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วย นายสนั่น พงษ์อักษร รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ นายจารึก เหล่าประเสริฐ รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ นายอภิชัย ลิมานนท์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาฬสินธุ์ และนายคณิต คงช่วย หัวหน้าสำนักงานจังหวัดกาฬสินธุ์ ร่วมกันแถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 โกวิ(covid-19) จ.กาฬสินธุ์ ประจำวันที่ 20 มีนาคม 2563

ทั้งนี้ จ.กาฬสินธุ์มีผู้ป่วยยืนยันสะสม 1คน ผู้ป่วยเข้าเกณฑ์เฝ้าระวังสอบสวนโรคสะสม 26 คน สรุปผลการตรวจพบเชื้อ 1คน ไม่พบเชื้อ 23 คนและรอผล 2 คน ซึ่งในวันนี้ นายชัยธวัช เนียมศิริ ผวจ.กาฬสินธุ์ ได้ลงนามและออกประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อจ.กาฬสินธุ์ ฉบับที่ 2 ลงวันที่ 20 มีนาคม 2563  เรื่อง มาตรการเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (covid-19)จ.กาฬสินธุ์  เนื่องจากสถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไป

โดยประเทศไทยมีรายงานผู้ติดเชื้อและมีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรค โดยเฉพาะในสถานที่ที่มีคนใช้บริการจำนวนมาก ดังนั้นจ.กาฬสินธุ์ จึงอาศัยอำนาจตามมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ. ศ. 2558 ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดกาฬสินธุ์ ยกระดับมาตรการเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรน่า 2019 (covid-19) ให้ปิดสถานบริการตามพระราชบัญญัติสถานบริการ พ.ศ. 2509 แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 4 พ.ศ. 2546 รวม 9 แห่ง นอกจากนี้ยังมีสถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการ สถานที่ที่มีอาหารสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จำหน่าย  โดยจัดให้มีการแสดงดนตรี หรือการแสดงอื่นใดเพื่อการบันเทิง ซึ่งปิดทำการก่อนเวลา 24.00 น.ประกอบด้วย สถานประกอบการเพื่อสุขภาพตามพระราชบัญญัติสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ. 2559 ร้านเกมร้านคาราโอเกะและโรงภาพยนตร์ ตามพระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2551 และสถานประกอบกิจการออกกำลังกายหรือฟิตเนส โรงเรียนสอนทักษะกีฬาหรือสถานที่ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน เป็นเวลา 14 วัน ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม- 2 เมษายน 2563

      ผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามประกาศฉบับนี้ จะมีความผิดตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558  ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน หนึ่งปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ