ข่าวสังคม

นายแพทย์สาธารณสุขกาฬสินธุ์ ย้ำไม่มีหมอออกตรวจโควิด ตร.เร่งแกะรอยโจรฉกทรัพย์ยาย 75 ปี

นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาฬสินธุ์ ยืนยันไม่มีนโยบายส่งหมอหรือเจ้าหน้าที่ไปตรวจโรคและฆ่าเชื้อโควิด-19 จะมีเพียงทีมปกครอง สาธารณสุข ผู้นำชุมชน และอสม.ที่คุ้นหน้ากันเท่านั้นที่ออกเคาะประตูบ้าน แนะหากพบบุคคลแปลกหน้าสันนิษฐานไว้ก่อนเป็นมิจฉาชีพ ขณะที่ตำรวจสภ.กมลาไสย เผยคนร้ายก่อเหตุหลอกผู้สูงอายุใน 2 ตำบล เป็นคนเดียวกัน พร้อมเร่งแกะรอยกล้องวงจรปิด เบื้องต้นพอทราบตัวแล้ว คาดเป็นคนนอกพื้นที่

จากกรณีชาวบ้านใน ต.โพนงาม และ ต.หลักเมือง อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ ถูกคนร้ายแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ โดยปลอมเป็นหมอออกมาตรวจและฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อไวรัสโควิด-19 ฟรีถึงบ้าน ก่อนใช้อุบายหลอกให้เหยื่อที่เป็นผู้สูงอายุเผลอ แล้วขโมยทรัพย์สินไป ซึ่งหลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.สมนึก มิควาฬ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ สั่งการให้ พ.ต.อ.ภูมี อีคะละ ผกก.สภ.กมลาไสย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตำรวจ สภ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์เร่งติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็ว

ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2563 นพ.อภิชัย ลิมานนท์ นายแพทย์สาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวทางสำนักงานสาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ หรือโรงพยาบาลต่างๆในพื้นที่ยืนยันว่าไม่มีนโยบายที่จะส่งแพทย์ พยาบาล หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขลงพื้นที่ไปตรวจเชื้อหรือพ่นยาฆ่าเชื้อโรคไวรัสโควิด-19 ที่บ้านของประชาชน ทั้งนี้ในปัจจุบันจะมีทีม 4 ทหารเสือของจังหวัด ประกอบด้วยฝ่ายปกครองอำเภอ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ผู้นำหมู่บ้าน และอสม.ประจำหมู่บ้าน ซึ่งเป็นคนในพื้นที่เท่านั้นที่ลงพื้นที่เคาะประตูบ้านแนะนำรณรงค์ให้ความรู้ในการเฝ้าระวัง กักตัวประชาชนกลุ่มเสี่ยง ซึ่งทุกหมู่บ้านก็ล้วนแล้วแต่คุ้นหน้าคุ้นตากันดี ส่วนการพ่นยาฆ่าเชื้อทราบว่ามีหน่วยงานมูลนิธิต่างๆและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการ ซึ่งก็มีการแจ้งผ่านผู้นำชุมชน แต่หากเป็นกรณีดังกล่าวที่เป็นบุคคลแปลกหน้ามาอ้างเป็นเจ้าหน้าที่มาตรวจโรคและพ่นยานั้น ให้สันนิฐานไว้ก่อนว่าเป็นกลุ่มมิจฉาชีพ และให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือผู้นำชุมชนทันที

อย่างไรก็ตาม สำหรับการบริการประชาชนของสถานพยาบาลต่างๆในพื้นที่ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 นั้น ขณะนี้มีการจัดส่งยาให้กับผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวเช่น เบาหวาน ความดันถึงบ้าน ที่ก่อนหน้านี้ต้องมารับยาที่โรงพยาบาลเอง โดยผ่านทางรพ.สต.และอสม.เท่านั้น เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ

สำหรับความคืบหน้าของคดีล่าสุด พ.ต.ท.ประพนธ์ ภูจอมนิล รองผกก.(สอบสวน)สภ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า เบื้องต้นจากการสอบปากคำผู้เสียหายนางทร บุญรอด อายุ 71 ปี  ชาวบ้านโพนชัย ต.โพนงาม และนางสุนทร สุริยะก้านตรง อายุ 75 ปี ชาวบ้านบึงไฮ ม.4 ต.หลักเมือง ซึ่งเป็นผู้สูงอายุทั้งคู่ ให้การตรงกันถึงพฤติกรรมและรูปพรรณของคนร้าย เป็นชายอายุประมาณ 40 ปี แต่งกายชุดเสื้อกราว สะพายกระเป๋า ขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ สีดำ ทำทีมาตีสนิทชวนคุย ซึ่งรายแรกหลอกผู้เสียหายว่าเป็นเจ้าหน้าที่มาตรวจฆ่าเชื้อโรค ส่วนรายที่สองหลอกถามว่ามีหน้ากากใส่หรือยัง จะมีเจ้าหน้าที่เอามาให้ ก่อนที่จะอาศัยจังหวะช่วงเผลอแล้วขโมยทรัพย์สินไป อย่างไรก็ตามขณะนี้ชุดสืบสวนลงพื้นที่แกะรอยกล้องวงจรปิดตามเส้นทางเชื่อมระหว่าง 2 ตำบลนี้แล้ว และขณะนี้พอที่จะทราบตัวผู้ต้องสงสัยแล้ว คาดว่าน่าจะเป็นคนนอกพื้นที่เข้ามาก่อเหตุ ซึ่งอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป

ด้านนางสุนทร สุริยะก้านตรง อายุ 75 ปี ชาวบ้านบึงไฮ ม.4 ต.หลักเมือง อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ ผู้เสียหายอีกราย กล่าวว่า เมื่อวันที่ 7 เมษายน ที่ผ่านมา ขณะที่ตนกำลังนั่งอยู่หน้าบ้านคนเดียว ก็มีชายแต่งตัวลักษณะสวมเสื้อสีน้ำเงินเหมือนพนักงานไฟฟ้า สะพายกระเป๋า ขี่รถจักยานยนต์มาจอด แล้วเดินลงมาสอบถาม พร้อมกับชวนคุยว่ามีหน้ากากใส่หรือยัง ตอนนี้มีโรคระบาดขอดูบ้านหน่อยนะ เดี๋ยวจะมีเจ้าหน้าที่เอาหน้ากากมาให้ ซึ่งด้วยความที่คนร้ายพูดจาดี และกลัวว่าบ้านจะมีเชื้อโรค ทำให้ตนหลงเชื่อยอมให้ชายคนดังกล่าวเดินดู ก่อนที่คนร้ายจะอาศัยจังหวะที่ตนเผลอขโมยเงินไปจำนวน 800 บาท ที่ลูกหลานส่งมาให้จากกรุงเทพฯ หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว หลังเกิดเหตุจึงไปเพื่อนบ้าน เพื่อให้ช่วยเหลือแจ้งผู้ใหญ่บ้านและตำรวจมาตรวจสอบดังกล่าว