ข่าวสังคม

นครพนม กรมวังผู้ใหญ่ประจำพระองค์ 908 ลงพื้นที่เรือนจำกลางนครพนม ตรวจเยี่ยมและติดตามโครงการกำลังใจฯ

เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2566 ที่จังหวัดนครพนม พลอากาศเอก สมคิด สุขบาง กรมวังผู้ใหญ่ประจำพระองค์ 908 และรองประธานกรรมการกองทุนกำลังใจฯ พร้อมคณะ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ และติดตามการดำเนินงานตามโครงการกำลังใจในพระดำริ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ของเรือนจำกลางนครพนม โดยมีนายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นายจรูญ เหง่าลา ผู้บัญชาการเรือนจำกลางจังหวัดนครพนม คณะหัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้ประกอบการ ตลอดจนผู้ต้องขัง ร่วมให้การต้อนรับและบรรยายสรุป

โดยโครงการกำลังใจฯ เป็นโครงการที่ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรงริเริ่มเพื่อประทานความช่วยเหลือแก่ผู้ที่ต้องการโอกาสในสังคมไทย เนื่องด้วยทรงดำริว่า ทุกคนในสังคมจะอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุขก็ต่อเมื่อรู้จักรักษาสิทธิของตน โดยไม่สร้างความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น กระบวนการยุติธรรมเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้ทุกคนเคารพสิทธิของผู้อื่น ซึ่งเมื่อกระบวนการยุติธรรมดำเนินไปจนถึงที่สุดแล้ว ผู้ที่ได้รับผลทุกฝ่ายในสังคมก็น่าที่จะได้มีโอกาสอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขอีกครั้งหนึ่ง แต่กระนั้นในบางครั้ง กลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้ต้องขัง กลุ่มผู้ถูกคุมประพฤติ หรือผู้ที่เป็นจำเลย กลับมิได้รับโอกาสเท่าที่ควร ในการที่จะกลับมาเป็นส่วนหนึ่งของสังคมส่วนรวม ส่งผลให้บุคคลเหล่านี้ขาดโอกาสที่จะดำเนินชีวิตดังที่ควร ทรงดำริว่าผลงานจากโครงการกำลังใจ จะช่วยให้กลุ่มบุคคลเหล่านี้ตระหนักว่ายังมีผู้ที่เต็มใจจะให้โอกาส และเอาใจช่วยให้พวกเขาสามารถเอาชนะปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ได้ และเมื่อทุกคนได้รับโอกาสที่สมควรแล้วจะต้องรู้จักในการเคารพสิทธิของผู้อื่น ซึ่งนอกจากจะช่วยลดการกระทำผิด ซ้ำซ้อน และเปิดโอกาสให้บุคคลเหล่านี้กลับมาเป็นประชากรที่มีคุณภาพแล้ว ยังมีส่วนที่จะช่วยให้สังคมส่วนรวมกลับมาอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขอีกด้วย

ซึ่งที่ผ่านมาตั้งแต่เริ่มโครงการจนถึงปัจจุบัน กระทรวงยุติธรรมได้เปิดโครงการกำลังใจฯ ในเรือนจำต่าง ๆ ทั่วประเทศไปแล้ว 22 แห่ง ได้ให้การช่วยเหลือกลุ่มผู้ต้องขังในเรือนจำทั้งด้านจิตใจ ร่างกาย การส่งเสริมความรู้และทักษะต่าง ๆ เพื่อให้ผู้กระทำผิดสามารถกลับคืนสู่สังคมได้อย่างเต็มภาคภูมิ และไม่หวนกลับมากระทำผิดซ้ำ โดยเรือนจำกลางนครพนมได้น้อมนำพระดำริ มาขับเคลื่อนการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ในปี 2563 เรือนจำกลางนครพนมได้รับพระราชทานโล่รางวัล เรือนจำดีเด่นในโครงการกำลังใจ จำนวน 3 รางวัล คือ รางวัลที่ 1 ด้านนวัตกรรม รางวัลที่ 2 ด้านการฝึกอบรมอาชีพ และรางวัลที่ 3 ด้านแม่และเด็ก และด้านการช่วยเหลือให้ความรู้ด้านกฎหมาย และเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2565 ได้ส่งผลการดำเนินงานเข้าร่วมประกวดเรือนจำ/ทัณฑสถาน ที่เข้าร่วมโครงการกำลังใจฯ ประจำปี 2564 เนื่องในโอกาสครบรอบ 15 ปี โครงการกำลังใจฯ ประกอบด้วย ด้านช่วยเหลือให้ความรู้ทางกฎหมาย ด้านการฝึกอบรมวิชาชีพ ด้านการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย ด้านนวัตกรรม และด้านปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยในโอกาสนี้ในที่ประชุมยังได้มีการหารือถึงแนวทางการขับเคลื่อนงานโครงการกำลังใจฯ เพื่อสร้างโอกาสให้กับผู้ต้องขังที่กำลังจะพ้นโทษมากยิ่งขึ้น เนื่องจากสำรวจความต้องการแล้ว พบว่าส่วนใหญ่เมื่อพ้นโทษไปต้องการที่จะกลับไปอยู่กับครอบครัวตามภูมิลำเนาเดิม และอยากทำงานอิสระมากกว่าไปทำงานตามสถานประกอบการ แม้ปัจจุบันสถานประกอบการในจังหวัดนครพนมจะเปิดโอกาสให้และมีความต้องการแรงงานด้านอาชีพสูง โดยหลังจากนี้เตรียมผลักดันเกี่ยวกับการฝึกอาชีพนวดแผนไทยให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น รวมถึงในเรื่องของการดูแลผู้สูงวัย และอาชีพเฉพาะทาง