ข่าวสังคม

บุรีรัมย์ครอบครัวนิมนต์พระทำพิธีปัดเป่าสิ่งลี้ลับออกจากลูกสาวที่เชื่อตายไปแล้วแต่ยังหายใจเพราะผีสิงร่างขอส่วนบุญ

ครอบครัวถึงกับต้องนิมนต์หลวงพ่อวัดดัง ทำพิธีปัดเป่าสิ่งลี้ลับออกจากลูกสาวที่เชื่อว่าเสียชีวิตไปแล้ว หลังป่วยหนักนอนรักษา รพ.หลายวันไม่ดีขึ้นล่าสุดไม่มีชีพจรร่างกายไม่ตอบสนองไม่กินข้าว แต่ยังหายใจ เชื่อถูกผีชะมกหรือปอบสิงร่างเอาไว้เพื่อขอส่วนบุญ พ่อแม่สงสารลูกไม่อยากให้ทรมานวอนหมอปลาช่วย

วันที่ 1 มิ.ย. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมจิตร พิทักศรี อายุ 68 ปี และนางสำราญ พิทักศรี อายุ 65 ปี สองสามีภรรยา ชาวบ้านหนองมน ต.สะเดา อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ได้นิมนต์พระครูสังวรธรรมโสภณ หรือหลวงพ่อวินัย เจ้าอาวาสวัดสองพี่น้อง ตำบลสะเดา อำเภอนางรอง และเป็นเจ้าคณะตำบลสะเดา มาช่วยทำพิธีปัดเป่าสิ่งลี้ลับออกจากตัวของ น.ส.ปฤษณา พิทักศรี อายุ 45 ปี ลูกสาวซึ่งป่วยระยะสุดท้ายนอนรักษาที่ รพ.หลายวันแล้ว แต่อาการไม่ดีขึ้น หมอบอกให้ญาติทำใจและอนุญาตให้พาผู้ป่วยกลับมาบ้านได้ พอมาถึงบ้านทั้งครอบครัวญาติพี่น้องต่างก็พากันมาล่ำลาและขออโหสิกรรมเป็นครั้งสุดท้าย เพราะสภาพร่างกายของ น.ส.ปฤษณา เหลืองซีดไม่รับรู้อะไรแล้ว แขนขาเขียวช้ำ ก็เชื่อว่าเป็นอาการของคนใกล้สิ้นใจแล้ว แต่ที่ครอบครัวแปลกใจคือตรวจไม่พบชีพจรแล้ว แต่ยังหายใจอยู่ ชาวบ้านและผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านจึงเชื่อว่า น.ส.ปฤษณา เสียชีวิตไปแล้วแต่ที่ยังมีลมหายใจอยู่ เพราะมีผีชะมกหรือผีปอบมาสิงร่างแทนเพื่อขอส่วนบุญโดยใช้ร่างกายของ น.ส.ปฤษณา จึงไม่ยอมให้จากไป

นางสำราญ พิทักศรี แม่ผู้ป่วย เล่าว่า ลูกสาวเป็นผู้พิการทางสมองมาตั้งแต่เด็ก แต่ที่ผ่านมาก็ไม่เคยเจ็บป่วยถึงขั้นต้องเข้า รพ.เลย กระทั่งเมื่อวันที่ 6 พ.ค.2566 ลูกมีอาการป่วยไข้สูง จึงพาไปหาหมอที่นางรอง นอนรักษาที่ รพ.หลายวันแต่อาการก็ทรุดลงเรื่อย โดยหมอแจ้งกับทางญาติว่าร่างกายของลูกไม่ตอบสนองแต่อยู่ได้เพราะเครื่องช่วยหายใจ จึงให้ญาติพูดคุยหารือกันว่าจะรักษาประคับประคองต่อไป หรือจะนำตัวกลับบ้าน ซึ่งญาติก็ตัดสินใจจะพาลูกสาวกลับบ้าน ก็รับลูกออกจาก รพ.วันที่ 19 พ.ค.2566 ที่ผ่านมา แต่พอกลับมาถึงบ้านร่างกายลูกไม่ตอบสนอง ก็ตัดสินใจถอดสายออกซิเจนออก เพื่อให้เขาจากไปตามธรรมชาติ แต่พอถอดเครื่องช่วยหายใจออกแล้ว ลูกสาวก็ยังหายใจ แต่ตรวจไม่พบชีพจริง และยังมีลมหายใจถึงวันนี้ ทั้งญาติและชาวบ้านต่างก็แปลกใจ ว่าไม่มีชีพจรแล้วแต่ทำไมยังหายใจอยู่ ชาวบ้านโดยเฉพาะคนแก่ในหมู่บ้านจึงเชื่อว่าที่ยังหายใจอยู่ เพราะมีวิญญาณผีชะมก หรือปอบมาเข้าสิงร่างแทน ไม่ใช่ตัวของ น.ส.ปฤษณา แต่ตอนนี้ผ่านไปกว่า 10 วันแล้วลูกก็ยังนอนแน่นิ่งไม่ตอบสนองไม่กินข้าว ป้อนได้แต่ยามากว่า 10 วันแล้ว ก็สงสารลูกสาวมากหากลูกไม่ตอบสนองอะไรแล้ว ก็อยากให้ลูกจากไปอย่างสงบไม่ต้องเจ็บปวดทรมาน จึงได้นิมนต์พระมาทำพิธีให้ตามความเชื่อ แต่หากไม่ได้ผลก็อยากจะให้หมอปลามาช่วย เพราะไม่อยากให้ลูกนอนทรมานแบบนี้สงสารลูกมาก

ด้านพระครูสังวรธรรมโสภณ หรือหลวงพ่อวินัย เจ้าคณะตำบลสะเดา บอกว่า เมื่อญาติโยมนิมนต์ให้มาช่วย เพราะเชื่อว่าลูกสาวตัวเองเสียชีวิตไปแล้วแต่ที่ยังหายใจอยู่เพราะมีผีมาสิงร่างแทน หลวงพ่อก็มาช่วยดูให้ ซึ่งตั้งแต่บวชเป็นพระมาก็ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่เคยได้ยินเขาพูดกันมีกรณีคนที่เสียชีวิตไปแล้ว แต่ยังมีลมหายใจอยู่เพราะมีสิ่งลี้ลับที่มองไม่เห็นมาสิงร่างแทน แต่ที่หลวงพ่อมาทำพิธีวันนี้เป็นไปตามหลักเมตตาธรรม คือ องค์พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ สวดปัดเป่าบอกกล่าวให้สิ่งลี้ลับที่มองไม่เห็นออกไป และปะพรมน้ำมันเป็นความเป็นสิริมงคล แต่ไม่ใช่ไสยศาสตร์

ส่วนที่ชาวบ้านเชื่อว่าวิญญาณที่มาสิงร่างเป็นผีชะมก หรือผีปอบนั้น ก็เป็นความเชื่อที่มีมาแต่โบร่ำโบราณ ที่เขาต้องมาสิงร่างเพราะต้องการได้รับส่วนบุญผ่านร่างคนที่เชื่อว่าตายไปแล้ว ที่มาวันนี้หลวงพ่อก็ใช้หลักธรรมะช่วย เพราะหลวงพ่อไม่ได้มีวิชาอาคมอะไร แต่จะได้ผลหรือไม่ก็ต้องรอดู